ตอนเด็กๆ ฉันชอบดูรายการทีวีเกี่ยวกับสารคดีสัตว์โลก ภาพนกเพนกวินเดินเก้ๆกังๆกระโดดลงน้ำ ภาพแมวน้ำนอนบิดขี้เกียจอยู่บนโขดหิน ทำให้เด็กคนหนึ่งที่นั่งติดหน้าจอทีวีฝันว่า วันหนึ่งเธอจะไปดูนกเพนกวินที่ขั้วโลกใต้ เป็นภาพฝันที่สวยงามของวัยเด็ก เมื่อโตขึ้นฉันก็ได้พบกับความจริงที่ว่า การเดินทางล่องเรือในทวีปแอนตาร์กติกาหรือหมู่เกาะฟอล์คแลนด์นั้นแพงแสนแพงเกินกว่าจะสู้ไหว
แต่เมื่อทราบว่าเมืองอูซัวย่า (Ushuaia) ซึ่งเป็นเมืองตั้งต้นสู่การเดินทางสู่แอนตาร์กติกาและหมู่เกาะฟอล์คแลนด์ก็มีนกเพนกวินให้ชมเหมือนกัน ฉันจึงไม่พลาดที่จะใส่กิจกรรมนี้ลงไปในการผจญภัยในดินแดนสุดขอบโลกแห่งนี้
The Amazing Beagle Channel
ความจริงแล้วฉันเฝ้าฝันถึงโปรแกรมทัวร์ Walk with Penguins มาเป็นเวลานาน ซึ่งเป็นทัวร์ที่จะพาเราเดินไปดูนกเพนกวินใกล้ๆบนเกาะ Martillo ซึ่งมีทัวร์ที่ได้รับสัมปทานเพียงเจ้าเดียวคือ Piratour ฉันส่งอีเมลล์ไปจองทัวร์ล่วงหน้าเป็นแรมเดือน แต่ทางบริษัททัวร์ก็ไม่ตอบยืนยันมาสักที ด้วยเหตุผลที่ว่า ช่วงเวลาที่ฉันเดินทางมีสภาพอากาศแปรปรวนมาก ทางทัวร์ต้องรอดูสถานการณ์ว่าจะสามารถจัดทัวร์นี้ได้หรือไม่ จนมาถึงวันที่เราเดินทางมาถึงอูซัวย่า ก็ยังไม่ได้รับข่าวดีตอบกลับมาจากบริษัททัวร์เลย แถมออฟฟิศ Piratour ในตัวเมืองก็ปิดเงียบเป็นคำตอบว่า เราคงไม่ได้ไปเดินเล่นกับเจ้านกเพนกวินแล้วแน่ๆ เราเลยตัดสินใจลองเดินหาข้อมูลจากบริษัททัวร์ต่างๆในตัวเมืองเป็นทางเลือก สุดท้ายเราก็ได้จองทัวร์ล่องเรือผ่านช่องแคบบีเกิ้ล (Beagle Channel Tour) ซึ่งเราจะได้มีโอกาสได้เห็นสัตว์โลกแห่งดินแดนปาตาโกเนียมากมายหลายชนิด ไม่มีทัวร์ไหนที่การันตีว่าเราจะได้เห็นเพนกวินหรือสัตว์อะไรบ้าง เพราะทุกอย่างขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ
เราไปขึ้นเรือตามเวลานัด สภาพอากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝนและลมทะเลที่พัดแรงชวนให้หวั่นใจไม่น้อย ว่าน้องเพนกวินและพี่ๆสิงโตทะเลจะหลบฝนและลมหนาวไม่โผล่มาให้เห็นหรือเปล่า เรือคาตามาราน (Catamaran) แล่นออกจากท่าสู่ช่องแคบบีเกิ้ล ลมหนาวทำให้ไม่สามารถทนยืนชมวิวและบรรยากาศนอกตัวเรือได้นาน จึงต้องกลับไปนั่งหลบลมฟังวิทยากรบรรยายอยู่ในตัวเรือแทน
ช่องแคบบีเกิ้ล เป็นช่องแคบที่ตั้งอยู่ในหมู่เกาะอาร์ชิพิลาโก (Archipelago island) ซึ่งเป็นพรมแดนธรรมชาติที่แบ่งแยกประเทศชิลีและประเทศอาร์เจนตินาในมหาสมุทรแอตแลนติกใต้ ช่องแคบบีเกิ้ลยังมีความสำคัญที่ใช้ในการเดินเรือระหว่างมหาสมุทรแปซิฟิกกับมหาสมุทรแอตแลนติกอีกด้วย
เรือค่อยๆแล่นไปตามช่องแคบ เวลาผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมง ฉันมองเห็นเงาขาวๆดำๆ กลุ่มใหญ่คล้ายๆนกอยู่บนเกาะหินกลางทะเล ด้วยความตื่นเต้นและดีใจ ฉันรีบออกไปยังระเบียงเรือเพื่อที่จะได้ชมเจ้านกแพนกวินใกล้ๆ แต่เมื่อเข้ามาใกล้ๆจึงได้รู้ว่าพวกมันคือนกทะเลที่หน้าตาคลับคล้ายนกเพนกวินเท่านั้น ถือว่าเป็นโชว์เรียกน้ำย่อย
ที่นี่คือเกาะนก (Bird island) ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของนกนานาชนิด
จากนั้นเรือจะค่อยๆล่องไปใกล้ๆประภาคารสีแดง Les Eclaireurs Lighthouse ที่ไม่ได้สวยเด่นสดใสแบบที่เห็นทั่วไปบนแผ่นโปสการ์ด แต่ใครๆก็อยากมาถ่ายรูปประภาคารที่อยู่ใต้สุดของโลกกันทั้งนั้น ใครๆก็เรียกประภาคารนี้ว่า “Lighthouse at The End of The World” แต่จริงๆแล้วประภาคารที่อยู่ใต้สุดของโลกจริงๆมีชื่อว่า Juan de Salvamento Lighthouse ที่ตั้งอยู่บนเกาะ Isla de Los Estados อันไกลโพ้นไปอีก
สำหรับฉัน สิ่งที่น่าสนใจมากว่าประภาคารก็คือ บรรดานกน้อย แมวน้ำและสิงโตทะเลที่นอนขี้เกียจตัวกลมอยู่บนเกาะซีวูลฟ์ (Sea Wolves island)
ฉันสนุกกับการซูมกล้องไปจับภาพอิริยาบถของเจ้าแมวน้ำและสิงโตทะเลมาก ดูเหมือนว่าพวกมันจะมีชีวิตเรียบง่ายกับการนอนบิดขี้เกียจบนโขดหิน
สำหรับนักท่องเที่ยวกระเป๋าหนัก การเลือกใช้บริการเรือส่วนตัวลำเล็กที่สามารถเข้าไปใกล้เกาะได้มากกว่า ก็ดูเป็นทางเลือกที่น่าอิจฉาสำหรับเราไม่น้อย
จากนั้นเรือจะล่องไกลออกไปจนเกือบถึงเขตชายแดนชิลี ระหว่างที่ยืนชมวิวอยู่บนระเบียงเรือ ฉันได้ยินหนุ่มน้อยผมทองข้างๆเปล่งเสียงตะโกนด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นปนดีใจที่ได้เห็นปลาวาฬ ฉันรีบหันตามไปมองและได้เห็นปลาวาฬตัวเขื่องว่ายน้ำผลุดๆโผล่ๆไปมาตามคลื่นทะเล นานๆทีก็จะมีการพ่นน้ำโชว์
แม้จะลำบากในการบันทึกภาพถ่ายเพื่อเก็บไว้เป็นความทรงจำ แต่การแสดงโชว์ตามธรรมชาติของเจ้าปลาวาฬตัวนั้นจะยังคงติดตาและประทับอยู่ในหัวใจของฉันตลอดไป
ลมทะเลพัดแรงกว่าเดิม นักท่องเที่ยวทยอยกันกลับเข้าไปนั่งในเรือ ไกด์ตั้งคำถามว่า “มีใครรู้บ้างว่า แมวน้ำกับสิงโตทะเล ต่างกันยังไง” ก่อนจะเฉลยให้ฟังว่า วิธีการแยกแยะระหว่างแมวน้ำและสิงโตให้ดูที่หู เพราะสิงโตทะเลจะมีหูที่เห็นได้ชัดกว่า และยังมีครีบที่ใหญ่กว่าแมวน้ำ จึงเดินได้คล่องกว่า
แล้วเรือก็ล่องเข้ามาใกล้ๆเกาะแห่งหนึ่ง ภาพที่เห็นบนเกาะคือภาพบรรยากาศที่ฉันฝันถึง นกเพนกวินตัวเล็กตัวน้อยหลายร้อยตัว เดินป้วนเปี้ยนอยู่ทั่วเกาะ บ้างก็อยู่กันเป็นกลุ่ม บ้างก็อยู่กันเป็นคู่ บ้างก็ทำตัวอินดี้ฉายเดี่ยวเล่นน้ำทะเลตัวเดียว บางตัวก็เหมือนเดินเหงาๆ เปล่าเปลี่ยวไร้ทิศทาง บางตัวก็เดินตามเพื่อนๆต้อยๆ บางกลุ่มก็เดินเรียงแถวต่อกันดูเรียบร้อยน่ารัก
ดินแดนปาตาโกเนีย เป็นที่อยู่อาศัยของนกเพนกวิน 5 ชนิด ได้แก่ แมกเจลแลนเพนกวิน (Magellanic Penguins), ฮัมโบลล์เพนกวิน (Humboldt Penguins), คิงเพนกวิน (King Penguins), เจนทูเพนกวิน (Gentoo Penguins)และร็อคฮอปเปอร์เพนกวิน (Rockhopper)
ฉันพยามยามส่องหานกเพนกวินแต่ละชนิดตามภาพจำที่เก็บไว้ในสมองจากความรู้เก่าที่สะสมมาและข้อมูลที่อ่านมาก่อนเดินทาง
นี่คือ แมกเจลแลนเพนกวิน เป็นชนิดที่ชอบอพยพหนีหนาวขึ้นไปทางเหนือไกลถึงประเทศบราซิลหรือชิลี
คู่นี้คือ เจนทูเพนกวิน สังเกตได้ง่ายที่สุดจากปากและตีน (เท้า)สีส้มหรือแดง เป็นนกเพนกวินที่น่ารักน่าเอ็นดูที่สุด โดยเฉพาะเวาพวกมันเดินหรือวิ่ง ดูซุ่มซ่ามตลกดี
ส่วนตัวนี้ไม่แน่ใจเพราะมีสีเทา-ขาว แปลกตากว่าตัวอื่นๆ มีปากและตีนสีส้มเหมือนเจนทูเพนกวิน แต่ก็มีหงอนหรือขนเท่ห์ๆบนหัวเหมือนร็อคฮอปเปอร์เพนกวิน สงสัยว่าจะเป็นลูกครึ่ง
ฉันเชื่อว่านักท่องเที่ยวทุกคนบนเรือต่างเพลิดเพลินกับการได้เฝ้าดูวิถีชีวิตน่ารักๆตามธรรมชาติของเจ้านกเพนกวินเหล่านี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นสัตว์โลกแสนรักตัวเป็นๆ ที่ไม่ใช่ได้เห็นจากในสวนสัตว์
สำหรับฉัน นกเพนกวินก็ยังเป็นสัตว์โลกที่มีความน่ารักน่าชังมากที่สุดชนิดหนึ่ง ไม่น่าเชื่อว่าสิ่งมีชีวิตตัวน้อยจะสามารถทำให้มนุษย์ตัวโตอย่างเรามีความสุขได้มากเพียงนี้
แม้ว่าวันนี้อากาศจะไม่ค่อยเป็นใจ ครึ้มฟ้าครึ้มฝนและลมแรงเกินว่าจะได้มีโอกาสลงไปเดินเล่นและ ดูนกเพนกวินใกล้ๆ แต่การได้เห็นแค่นี้ก็ทำให้รู้สึกว่าความฝันวัยเยาว์ของฉันถูกเติมเต็มแล้ว แอบขอบคุณเขาคนนั้นในใจที่พูดกล่อมให้ฉันเปลี่ยนใจแบกเลนส์เทเลหรือเลนส์ซูมระยะไกลติดกระเป๋ามาด้วย ตอนแรกฉันตัดใจจะเอามาแค่เลนส์อเนกประสงค์เพียงตัวเดียวเพื่อความสะดวกในการเดินทาง อย่างที่เขาบอก “เอาไปเถอะ หนักเพิ่มขึ้นอีกนิดหน่อยเอง เดี๋ยวถ่ายรูปสัตว์โลกไม่ชัด แล้วจะมาเสียใจทีหลังนะ”…ขอบคุณนะ ^_^
เรือถอยหลังแล้วขับเคลื่อนย้อนกลับไปบนเส้นทางเดิม เป็นสัญญาณบ่งบอกว่า เวลาสนุกหมดลงแล้ว ฉันหันไปบอกลาฝูงนกแพนกวินผู้น่ารัก และได้เพียงหวังว่าการมาเยือนของมนุษย์อย่างเราจะไม่ทำลายวิถีชีวิตของพวกเขาไม่ทางตรงก็ทางอ้อม
I like you. You’re cute and weird and funny and I have the biggest smile when I’m with you. I like you a lot.
ข้อมูลเพิ่มเติม
Beagle Channel Tour ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 4-5 ชั่วโมง สามารถสอบถามและจองทัวร์ได้จากบริษัททัวร์ที่ท่าเรือหรือในตัวเมืองอูซัวย่า
A dream journey to South America
Part I เรื่องเล่าก่อนออกเดินทาง
Part 2 A Colourful Day in Buenos Aires
Part 3 Ushuaia Welcome to The End of The World
Part 4 Penguins and more on the Beagle Channel
Part 5 Nature walk in the Tierra del Fuego
Part 6 El Calafate and its secret destination
Part 7 Adventure day on the BIG ICE
4 thoughts on “Penguins and more on the Beagle Channel”