A dream journey to South America

ฉันคงเหมือนนักเดินทางทั่วๆไปที่มีอเมริกาใต้เป็นหนึ่งใน “ดินแดนในฝัน” เมื่อก่อนฉันเคยคิดว่าดินแดนอีกฟากโลกคงเป็นได้แค่ความฝันอันไกลโพ้น ด้วยระยะทางที่ห่างไปจากประเทศไทยกว่าหมื่นไมล์ อยู่ไกลอีกซีกหนึ่งของโลก ค่าใช้จ่ายในการเดินทางที่มากกว่างบประมาณในกระเป๋า ระยะเวลาที่ต้องใช้ในการเดินทาง ความไม่คุ้นเคยของสถานที่และวัฒนธรรมที่นั่น ล้วนเป็นอุปสรรคที่ทำให้ฉันเก็บความฝันนี้ไว้ในลิ้นชัก (แต่ไม่เคยล็อคกุญแจ พร้อมที่จะเปิดมันออกมาหยิบดูและประเมินสถานการณ์ความพร้อมของตัวเองอยู่เสมอ)

จนเมื่อได้มาทำงานและใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศเยอรมนี ในปีแรกฉันเดินทางตะลอนทัวร์ประเทศต่างๆในยุโรปจนเริ่มคุ้นเคยและรู้สึกว่าที่นี่กลายเป็น “พื้นที่ปลอดภัยหรือ comfort zone” ของตัวเองไปแล้ว จริงอยู่ที่ฉันเดินทางท่องเที่ยวบ่อยมาก แต่ก็เป็นเวลานานมากแล้วที่ฉันไม่ได้ออกเดินทางไกลหรือใช้เวลาเดินทางนานๆเกินสองสัปดาห์ ใจเริ่มกระสับกระส่ายกระวนกระวาย สองเท้าเริ่มคันยุบยิบอยากออกไปผจญภัยในดินแดนใหม่ๆอีกครั้ง


เรื่องเล่าก่อนออกเดินทาง


ฉันบอกเล่าความฝันนี้ให้กับคนรู้ใจ (ในตอนนั้น) เป็นช่วงเวลาที่เขาเองก็กำลังเตรียมพร้อมกับการออกเดินทางท่องเที่ยวคนเดียวในเอเชียและออสเตรเลียเป็นเวลา 3-4 เดือน การเดินทางของคนๆหนึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้อีกคนหนึ่งเสมอ เขาทำให้ฉันกลับมาประเมินสถานการณ์และความพร้อมตัวเองอีกครั้ง

…การเดินทางจากยุโรปไปอเมริกาใต้ ย่นทั้งเวลาและระยะทางเมื่อเทียบกับการเดินทางจากเอเชีย นี่เป็นโอกาสที่ดี

…เงินเก็บจากการทำงานประจำและรายได้พิเศษ น่าจะเพียงพอต่อการเดินทาง

…การลางานสี่สัปดาห์ มีโอกาสความเป็นไปได้สูงกับการทำงานที่เยอรมนีถ้ามีการบริหารจัดการและวางแผนที่ดี

เหตุผลเหล่านี้ทำฉันได้รู้ว่า ตัวเองพร้อมที่จะออกจากพื้นที่ปลอดภัย อีกครั้งแล้ว

ฉันนำโครงการในฝันไปนำเสนอกับเจ้านาย ซึ่งก็ใจดีพร้อมสนับสนุนให้ฉันทำตามความฝันเต็มที่ ตอนนั้นฉันมีตัวเลือกสองทางที่เกี่ยวกับช่วงเวลาเดินทาง (ซึ่งมีผลต่อการเลือกเส้นทางในภายหลัง) ทางเลือกที่หนึ่ง หากเดินทางในเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม เขาคนนั้นจะรว่มเดินทางด้วยกันได้ แต่ผลกระทบกับงานที่ทำค่อนข้างสูงเพราะเป็นช่วงที่ฉันมีงานใหญ่รอให้ทำอยู่ ทางเลือกที่สอง คือ เดินทางในเดือนเมษายน เพราะเป็นเดือนที่ฉันและเจ้านายประเมินด้วยกันแล้วว่า มีผลกระทบต่องานน้อยที่สุด แต่ฉันอาจจะต้องเดินทางคนเดียว

สุดท้าย นักเดินทางที่ยังตอกบัตรงานประจำอย่างฉัน ก็ต้องเลือกทางเลือกที่สอง และปลอบใจตัวเองแบบ กล้าๆกลัวๆว่า “ก็ดีเหมือนนะ นานแล้วที่ไม่ได้เดินทางคนเดียวแบบไกลๆ นานๆ มันต้องสนุกแน่ๆเลย”


เส้นทางในฝัน


หลังจากได้รับการอนุมัติวันลาจากเจ้านายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ฉันก็เริ่มวางแผนเส้นทางการเดินทางคร่าวๆ   ทวีปอเมริกาใต้มีสภาพภูมิอากาศที่ค่อนข้างหลากหลายไปแต่ละ ภูมิภาคเนื่องจากภูมิประเทศที่กว้างใหญ่ จึงเป็นซึ่งสำคัญที่เราต้องเลือกเส้นทางให้เหมาะสม ช่วงเวลาที่เลือกเดินทางทำให้ลดจำนวนตัวเลือกของเส้นทางให้น้อยลงในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังเป็นปัญหาว่า จะไปที่ไหนบ้าง ใช้เวลาแต่ละที่กี่วัน ใช้เวลาเดินทางยังไง ยิ่งหาข้อมูลก็ยิ่งสับสน ความอยากไปที่นั่นที่นี่มีมากมายชวนให้ปวดหัว การไปเหยียบทวีปนี้ครั้งแรก ฉันก็อยากเลือกสิ่งที่อยากเห็น สิ่งที่อยากทำ และประสบการณ์ที่อยากสัมผัสมากที่สุด ใช้เวลาครุ่นคิดอยู่หลายสัปดาห์กว่าจะลงตัวถึงเส้นทางการเดินทางคร่าวๆ สุดท้ายฉันก็ได้เส้นทางการเดินทางแบบคร่าวๆ ถึงแม้จะรู้สึกว่าแผนการเดินทาง 4-5 ประเทศในเวลา 30 วัน เป็นโปรแกรมการเดินทางแน่นเอี๊ยดไปหน่อย ให้เวลากับบางสถานที่น้อยไปนิด ซึ่งไม่ใช่รูปแบบการเดินทางที่ฉันชอบสักเท่าไหร่ แต่สุดท้ายฉันก็เลือกแบบนี้เพื่อเป็นการทักทายทำความรู้จักดินแดนละตินอเมริกาแบบคร่าวๆก่อน ไว้ติดใจที่ไหนหรือประเทศไหนเป็นพิเศษค่อยหาเวลากลับไปใหม่

และนี่ก็คือเส้นทางการเดินทางของฉัน เริ่มต้นจากประเทศอาร์เจนติน่า บินลงไปดินแดนสุดขอบโลกที่อูซัวย่า ผจญภัยในดินแดนปาตาโกเนีย นั่งรถบัสข้ามแดนจากอาร์เจนติน่าสู่ประเทศชิลี บินกลับสู่ดินแดนใกล้เส้นศูนย์สูตรอีกครั้งที่ซานเตียโก บินไปไขปริศนาโมอายบนเกาะอีสเตอร์ในมหาสมุทรแปซิฟิก บินกลับมาเพื่อเดินทางขึ้นไปยังดินแดนทะเลทรายชายแดนประเทศชิลี – โบลิเวีย ผจญภัยกลางทะเลทรายและทะเลเกลือที่โบลิเวียโดยรถ 4WD เป็นเวลา 3 วัน แล้วนั่งรถบัสข้ามประเทศเข้าสู่ประเทศเปรู เพื่อความฝันสูงสุดอันเป็นไฮไลท์ของทริป ด้วยการเทรคกิ้งเดินเขาตามรอยอินคา 4 วัน สู่มาชูปิกชู บินกลับมาพักร่างบนหาดทรายริโอเดอจาเนโร ประเทศบราซิล ก่อนบินกลับมาทำงานที่เยอรมนี

เป็นเส้นทางที่ผสมผสานทั้งการเดินทางโดยเครื่องบิน (ค่าใช้จ่ายอาจสูงหน่อย แต่ปลอดภัยและลดระยะเวลาเดินทาง) กับการเดินทางบนบก (ที่ประหยัด เหนื่อยแต่ได้ประสบการณ์ใหม่ๆ)

Map_Of_South_America_route.jpg


เพื่อนร่วมฝัน เพื่อนร่วมทาง


ยอมรับความจริงว่า การเดินทางไกลคนเดียวในดินแดนที่ไม่คุ้นเคยและมี “ชื่อเสีย(ง)” ด้านความปลอดภัยอย่างอเมริกาใต้ ทำให้ฉันหวั่นใจไม่น้อย เลยนำแผนการเดินทางในฝันนี้ไปบอกเล่าและเอ่ยปากชวนเพื่อนบางคนทั้งเพื่อนคนไทยและเพื่อนต่างชาติ แต่การเดินทางที่(ค่อนข้าง)สมบุกสมบัน ใช้เวลาและค่าใช้จ่ายค่อนข้างเยอะ เป็นข้อจำกัดสำหรับเพื่อนๆหลายคน จนฉันทำใจยอมรับชะตากรรมแล้วว่าคงต้องเดินทางไปคนเดียว จะเดียวดายหรือไม่ก็ค่อยไปลุ้นเอาข้างหน้า

จนวันหนึ่ง ฉันได้รับข้อความจากเพื่อนสาวชาวไทยที่ไปใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศออสเตรเลียส่งผ่านมาทาง Facebook Messager ว่า “จุ๊ๆ เพื่อนไปเที่ยวอมเริกาใต้กับจุ๊ได้แล้วนะ” เพื่อนคนนี้มีชื่อว่า “โส” หรือ “Soe” เธอเป็นเพื่อนเก่าวัยมัธยม ที่ถึงแม้ตอนนั้นเราไม่ได้สนิทสนมกันมาก เพราะไม่เคยมีโอกาสได้เรียนร่วมห้องเดียวกัน แต่เรามักส่งยิ้มทักทายให้กันเสมอ เวลาผ่านไปเราต่างแยกย้ายกันไปเรียนต่อและทำงาน กลับมาเจอกันอีกครั้งในโลกออนไลน์ เราต่างรับรู้เรื่องราวและติดตามการเดินทางของกันและกันผ่านทางเฟสบุ๊คเสียเป็นส่วนใหญ่ จนวันหนึ่งที่ฉันยังทำงานอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ และเธอก็เดินทางมาทำงานที่สิงคโปร์ เราจึงนัดเจอกันเพื่ออัพเดทชีวิตหลังจากที่ไม่ได้เจอตัวเป็นๆกันนานนับสิบปี

การพูดคุยในวันนั้นทำให้ตอกย้ำว่า เราสองคนมีอะไรหลายๆอย่างในชีวิตคล้ายกัน ทั้งการใช้ชีวิตและทำงานต่างแดน เราเป็นผู้หญิงที่ชอบเดินทางคนเดียวเหมือนกัน เรามีความฝันร่วมกันในการเดินทางรอบโลก วันนั้นเราต่างได้แต่หวังว่าคงจะมีโอกาสสักวันที่เราจะได้เดินทางด้วยกันบ้าง

เธอจึงเป็นเพื่อนคนหนึ่งที่ฉันคิดถึงเป็นอันดับต้นๆในการร่วมแบ่งปันความฝันครั้งนี้ และเธอก็มีท่าทีสนใจต่อคำเชิญชวนของฉัน แต่ตอนนั้นติดอยู่ตรงที่ว่า เธอกำลังจะแต่งงาน และเราต่างคิดว่า คนรักของเธอคงไม่อนุญาติให้เธอมาผจญภัยกับฉัน แทนการไปฮันนีมูนแสนหวานแน่ๆ ตอนได้รับข้อความจากเธอ ฉันแทบร้องกรี๊ด ยิ่งตอนเธอบอกว่า “ฮันนีมูนทีหลังได้ ไปทำตามความฝันกันก่อน” แม้จะดีใจแค่ไหน แต่ก็อดคิดและหัวเราะไม่ได้ทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องนี้

ในที่สุดฉันก็ไม่ต้องเดินทางอย่างเดียวดายคนเดียวที่อเมริกาใต้ แม้ว่าในช่วงที่ช่วยกันวางแผนเส้นทาง (เราเดินทางด้วยกันประมาณ 80% ของทริป มีบางส่วนที่แยกย้ายกันไปบ้าง) ทุกอย่างดูเหมือนจะลงตัวเป็นอย่างดี เรามีความชอบ ความสนใจ และสถานที่อยากไปคล้ายๆกัน แต่การเดินทางไกลเป็นเวลาเกือบเดือนกับเพื่อนร่วมทางคนใหม่ที่ไม่เคยเดินทางด้วยกันเลย ก็ทำให้ฉันอดหวั่นอยู่ลึกๆในใจไม่น้อย (คิดว่าเธอก็คงคิดเหมือนกัน) กังวลว่า เราจะทะเลาะหรือมีปัญหาอะไรกันระหว่างทางหรือเปล่า การเดินทางไกล ความเหน็ดเหนื่อย ความต้องการพื้นที่ส่วนตัว จะทำให้เรามีความคิดเห็นต่างหรือผิดใจกันหรือเปล่า และถ้าสิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้น เราจะยังคงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ไหม

หลังการเดินทางหนึ่งเดือนจบลง ฉันได้รู้ว่า นอกจากเราจะมีความฝันร่วมกันแล้ว เรายังเป็นเพื่อนร่วมทางที่เข้าขากันได้ดีมากๆ มันอาจจะมีบ้างที่เรามีความชอบ ความต้องการ หรือความคิดเห็นที่ไม่ตรงกัน แต่ด้วยความที่เราทั้งคู่เป็นคนง่ายๆ พูดคุยกันตรงๆ รับฟังความคิดเห็น ประนีประนอม และเคารพในพื้นที่ส่วนตัวของกันและกัน การเดินทางครั้งนี้จึงมีแต่ความทรงจำและประสบการณ์ดีๆร่วมกัน

ฉันจึงอยากขอบคุณ “โส” ที่ออกไปท่องโลกกว้างด้วยกัน ขอบคุณสำหรับทุกเรื่องราวดีๆที่เราร่วมแบ่งปันกัน อาหารอร่อยๆ มันเป็นการเดินทางที่ดีที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตเลยนะ และสุดท้ายอยากขอบคุณไปถึงสตีฟด้วย ที่อนุญาติให้เธอไปร่วมผจญภัยและทำอะไรบ้าๆกับเรา

หวังว่าเราจะได้ออกเดินทางด้วยกันอีก

Everyone needs someone who will call and say “Get dressed, we are going on an adventure”

17861435_777844579039727_4719705614129378382_n


เก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า


การเดินทางไกลเป็นเวลานานแรมเดือน ไปยังดินแดนที่มีความหลากหลายทางภูมิอากาศและกิจกรรม ทำให้การจัดกระเป๋าเป็นปัญหาหลักก่อนออกเดินทาง อะไรคือสิ่งจำเป็นที่ต้องใช้ เสื้อผ้า อุปกรณ์การเดินทาง ของใช้ส่วนตัว อุปกรณ์อิเลคทรอนิคต่างๆ การเดินทางที่มีทั้งทางบกและทางอากาศ กระเป๋าเดินทางแบบแบคแพคจึงสะดวกและเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับทริปนี้ แต่การจัดกระเป๋าแบคแพคก็มีข้อจำกัดเรื่องของน้ำหนัก ไม่ควรทำให้กระเป๋าอันหนักอึ้งต้องกลายเป็นภาระระหว่างการเดินทางในภายหลัง ฉันจึงใช้เวลาพอสมควรในการนั่งลิสต์รายการสิ่งของที่ต้องจัดลงกระเป๋า

ฉันเลือกใช้กระเป๋าเป้สองใบประกบหน้าหลังเหมือนแซนด์วิช ใบใหญ่ด้านหลังขนาดบรรจุประมาณ 45 ลิตร สำหรับเสื้อผ้าและของใช้ทั่วไปตลอดหนึ่งเดือน แต่น้ำหนักไม่ควรเกิน 15 กิโลกรัม (สำหรับผู้หญิงตัวเล็กๆ) และกระเป๋าแบบ Day trip สะพายด้านหน้า สำหรับสิ่งของมีค่า (เงิน กล้องและอุปกรณ์ถ่ายรูป laptop เอกสาร และสิ่งของที่ต้องใช้เป็นประจำ)

สำหรับการเลือกเสื้อผ้าและอุปกรณ์การเดินทางต่างๆก็ขึ้นอยู่กับกิจกรรมที่เราทำเป็นหลัก เนื่องจากทริปนี้เราเดินทางจากสุดขอบโลกที่อากาศหนาวจัด ไปสู่เส้นศูนย์สูตรที่อากาศร้อนชื้นอบอ้าว กิจกรรมที่มีทั้งเดินป่า เดินเขา ชมเมือง จึงชวนให้ปวดหัวเอาการเพราะต้องเตรียมให้ครบและเหมาะสมกับทุกรุปแบบ โดยฉันเลือกใช้หลักการเตรียมเสื้อผ้าสำหรับการเดินทางหนึ่งสัปดาห์ แล้วค่อยใส่ซ้ำหรือหาเวลาซักผ้าระหว่างการเดินทาง

 

และนี่คือรายการสิ่งของในกระเป๋า เป็นตัวอย่างให้กับเพื่อนๆที่กำลังวางแผนเดินทางไกลค่ะ

Packing list for long trip 

Backpack & Bags

  • Travel backpack
  • Daypack: to use for day trips or small hiking tours
  • Drybag: ถุงกันน้ำ
  • Plastic bags: สำหรับรองเท้า หรือเสื้อผ้าเปียก/ สกปรก

Cloths

  • 7 x Underwear
  • 3 x Socks
  • 2 x Hiking socks
  • 1 x Warm sock
  • 4 x Regular T-shirts
  • 1 x Longsleeve
  • 2 x Sport T-shirts (mid layer): breathable sport shirts recommended
  • 1 x dress/ shirt for special dinner/ occasion
  • 1 x short
  • 1 x hiking pants
  • 1 x Jeans หรือ กางเกงขายาวที่ใส่สบาย สำหรับเดินทางหรือนั่งรถนานๆ
  • 1 x Board  short, usable for swimming as well as regular short
  • 1 x Freece Jacket (mid layer) for colder parts and the evenings
  • 1 x Breathable, waterproof Jacket as shell layer
  • 1 x flip-flop
  • 1 x  Sneaker for comfy traveling
  • 1 x Hiking shoes
  • ผ้าพันคอ ผ้าห่ม ผ้าคลุมไหล่ ผ้าคลุมขา
  • 2 ชุดนอน
  • หมวก
  • หมวกไหมพรม
  • ถุงมือ

Toiletries

  • Hanging Toiletry  Kit
  • Toothbrush & toothpaste
  • Deodorant
  • Basic skin cream (body and face)
  • Shower gel/ face wash
  • Mini fingernail clipper
  • Set of cotton buds
  • Sunscreen (body & face)
  • Micro fiber towel: dries super fast, light weight, small
  • Comb/hairbrush
  • Shampoo/ conditioner
  • Contact lens kit

Medicines

  • Headache pills
  • Charcoal tablets
  • Diamox
  • Mosquito spray
  • Your medicine

Camera & technical gadgets

  • Camera & lens & tripod
  • Smartphone & headphone & power bank
  • Memory cards
  • Chargers
  • Spare batteries
  • Notebook and external hard disk (optional)

Travel gadgets

  • World travel adapter
  • Sunglasses
  • Padlocks: to use for backpack and locker in hostels
  • Travel pillow
  • Multi Tool: to fix stuff or for preparing your meals
  • ไฟฉายติดหัว
  • ที่ชั่งน้ำหนัก
  • ร่มหรือเสื้อกันฝน

Documents, Money & Security

  • Waterproof document bag
  • Passport/ visa
  • Plane/ bus/ train tickets
  • Cash in local currency
  • Money belt
  • Print of booking confirmation (tour, hotel, transfer)
  • A good travel insurance (WorldNomads)
  • Certificate of vaccination
  • สมุดบันทึก ปากกา
  • หนังสือ หรือ eBook หรือ ไกด์บุ๊ค

IMG_9863

กระเป๋าพร้อม ใจพร้อม กายพร้อม แล้วคุณล่ะ พร้อมออกเดินทางไปกับเราแล้วหรือยัง

สุดท้าย…

อยากขอบคุณใครคนนั้นสำหรับแรงบันดาลใจที่ส่งต่อถึงกันและกันเสมอ แม้เส้นทางร่วมกันมันจะไม่ยาวไกลดั่งที่ฝันไว้ร่วมกัน ขอบคุณที่ยังคงเฝ้ามองและเป็นแรงบันดาลใจให้กันเสมอ

A dream journey to South America

Part I เรื่องเล่าก่อนออกเดินทาง

Part 2 A Colourful Day in Buenos Aires

Part 3 Ushuaia Welcome to The End of The World

Part 4 Penguins and more on the Beagle Channel

Part 5 Nature walk in the Tierra del Fuego

Part 6 El Calafate and its secret destination

Part 7 Adventure day on the BIG ICE

Part 8 Mt. Fitz Roy, where are you?

Part 9 Puerto Natales: A charming frontier town

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s