หนึ่งปีผ่านไปไวเหมือนโกหก…
ปี 2016 เป็นอีกปีที่ชีวิตฉันมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เริ่มต้นจากการย้ายไปทำงานและใช้ชีวิตที่ประเทศเยอรมนี ที่มีผลให้รูปแบบการเดินทางของฉันเปลี่ยนแปลงไปด้วย ตอนที่ทำงานอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ ฉันจะใช้เวลาช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์หรือวันหยุดยาว 3-5 วัน เดินทางกลับบ้านที่เมืองไทย ใช้เวลาสั้นๆแต่บ่อยๆ แล้วเก็บวันลาพักร้อนไว้ออกเดินทางท่องเที่ยวยาวๆ แต่เมื่อย้ายไปประเทศเยอรมนีที่อยู่ไกลบ้านกว่าครึ่งซีกโลก ฉันต้องเก็บวันลาพักร้อนไว้สำหรับเดินทางกลับมาเยี่ยมบ้านแบบยาวๆ (จะได้คุ้มค่ากับราคาตั๋วเครื่องบิน) และใช้ช่วงวันหยุดสัปดาห์หรือวันหยุดยาวในการเดินทางท่องเที่ยวในยุโรป
ปีที่ผ่านมาฉันจึงไม่ค่อยมีทริปเดินทางยาวๆเท่าไหร่นัก แต่มีทริปเล็กทริปน้อยเยอะแยะไปหมด มีทั้งไปเยือนสถานที่ใหม่ๆที่ยังไม่เคยไป และกลับไปเยือนสถานที่ๆชอบ บางสถานที่ก็ไปเยือนซำ้แล้วซ้ำอีก
หนึ่งปีที่ผ่านไป ฉันจึงไม่ได้สนใจกับจำนวนสถานที่มากมายนัก แต่หากมองย้อนกลับไป กลับกลายเป็นปีที่ฉันได้ประสบการณ์ใหม่ๆจากการเดินทางและใช้ชีวิตในทวีปยุโรปมากมายเหลือเกิน วันนี้เลยลองรื้อเมมโมรี่ช่วงสั้นๆในปีที่ผ่านมาเพื่อทบทวนความทรงจำและความประทับใจ แล้วมาเล่าสู่กันฟัง
มกราคม JANUARY 2016
เริ่มต้นปีด้วยการไปเยือนแคว้นอาลซัส (Alsace) บริเวณพรมแดนทางทิศตะวันออกของประเทศฝรั่งเศสและทางทิศตะวันตกของแม่น้ำไรน์ติดกับประเทศเยอรมนีและสวิตเซอร์แลนด์
จากเมืองไฟร์บูร์ก (Freiburg) เมืองสวยในเขตป่าดำ (Black Forest) ที่อยู่ทางฝั่งประเทศเยอรมนี ที่นี่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่มีแดดมากที่สุดในประเทศเยอรมนี ฉันจึงได้เดินชมเมืองสวยท่ามกลางแดดอุ่นในฤดูหนาว
จากเมืองไฟร์บูร์กนั่งรถไฟต่อรถบัสข้ามแดนไปยังเมืองกอลมาร์ (Colmar) หนึ่งใน Les Plus Beaux Villange de France หรือหมู่บ้านที่สวยที่สุดในฝรั่งเศส และยังเป็นเมืองที่ถูกจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 10 เมืองโรแมนติคที่สุดในโลกอีกด้วย และได้สมญานามว่า Little Vanice
เมืองสตราสบูร์ก (Strasbourg) เมืองหลวงของแคว้นอาลซัส ประเทศฝรั่งเศส เมืองที่มีความสวยงามเมืองหนึ่งของยุโรป โดยเฉพาะย่านเมืองเก่าทางประวัติศาสตร์ที่รู้จักกันในนาม la Petite France (Little Paris)
กุมภาพันธ์ FEBRUARY 2016
เดือนกุมภาพันธ์จะเป็นช่วงที่ประเทศเยอรมนีมีงานเทศกาลคาร์นิวาล (Carnival) ถึงแม้ในดินแดนแถบทะเลสาบโบเดนเซที่ฉันอาศัยอยู่จะไม่ไดมีการจัดงานเทศกาลอันยิ่งใหญ่ระดับโลกเช่นเมืองโคโลญจน์ แต่งานคาร์นิวาลในดินแดนแถบนี้ยังคงความดั้งเดิมตามประเพณีไว้อยู่มาก ซึ่งมีชื่อเรียกเทศกาลนี้เป็นภาษาเยอรมันว่า Fastnacht เป็นเทศกาลที่มีมาแต่โบร่ำโบราณกว่า 500 ปีแล้ว โดยจะมีขบวนพาเรดที่ผู้คนจากเมืองต่างๆแต่งชุดแฟนซีแบบโบราณ มีวงดนตรี มีงานปาร์ตี้รื่นเริง จัดกันเป็นสัปดาห์ คนที่นี่จริงจังกับเทศกาลนี้มาก บางคนถึงกับลางานเพื่อนไปร่วมงานเทศกาลกันเลย
ช่วงปลายเดือนฉันได้กลับไปเยือนเมืองมิวนิค (Munich) เมืองใหญ่ทางตอนใต้ของประเทศเยอรมนีอีกครั้ง ไปกี่ครั้งก็ไม่พลาดเดินชมย่านเมืองเก่า นั่งชิลล์จิบเบียร์แกล้มขาหมูร้านโปรด
มีนาคม MARCH 2016
ผ่านไป 2-3 เดือน ฉันเริ่มสนิทกับเพื่อนร่วมงานจนกล้าเอ่ยปากชวนกันไปเที่ยว เริ่มต้นจากเมืองใกล้ๆอย่างเมืองร็อตเวล (Rottweil) ซึ่งนอกจากได้ตำแหน่งเป็นเมืองเก่าแก่ที่สุดของรัฐ Baden-Württemberg ประเทศเยอรมนีแล้ว ที่นี่ยังเป็นต้นกำเนิดของสุนัขสายพันธุ์ร็อตไวเลอร์ (Rottweiler) ด้วยค่ะ
จุดหมายหลักของการขับรถเที่ยวกับเพื่อนร่วมงานครั้งนี้คือการไปชมปราสาทโฮเฮนโซลเลิร์น (Hohenzollern Castle หรือ ภาษาเยอรมัน Burg Hohenzollern) ปราสาทยุคกลางที่เพื่อนชาวเยอรมันเอ่ยปากว่าเป็นหนึ่งในปราสาทที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศเยอรมนี ซึ่งคนที่นี่ภาคภูมิใจในปราสาทแห่งนี้มากกว่าปราสาทชื่อดังอย่างปราสาทนอยชวานชไตน์เสียอีก เพราะเป็นปราสาทมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และใช้งานจริงในอดีต
ปลายเดือนมีนาคมในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลอีสเตอร์ ฉันเดินทางหลบอากาศหนาวจากเยอรมนีไปหาแสงแดดอุ่นที่เมืองบาร์เซโลน่า (Barcelona) ประเทศสเปน นอกจากติดใจบรรยากาศเมืองที่มีชีวิตชีวาแห่งหนึ่งในยุโรป ยังได้ตามรอยผลงานศิลปะอันโด่งดังของท่านเกาดีทั่วเมืองบาร์เซโลน่าด้วย
เมษายน APRIL 2016
เมษายนเป็นเดือนที่คนไทยเดินทางมาเที่ยวยุโรปค่อนข้างเยอะเพราะมีวันหยุดยาว ฉันจึงได้โอกาสแวะไปหาเพื่อนฝูงที่เดินทางมาจากเมืองไทยตามเมืองต่างๆ ถึงแม้ส่วนใหญ่จะเป็นเมืองที่ฉันเคยไปมาก่อนแล้ว แต่การได้เจอเพื่อนเก่าก็ทำให้การเดินทางครั้งนั้นมีประสบการณ์ที่แปลกใหม่ขึ้นได้ เป็นเดือนที่ฉันตะลอนเที่ยวทุกวันหยุดสุดสัปดาห์เลยล่ะ
เดือนนี้ฉันกลับไปเมืองลูเซิร์น (Lucerne) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ถึงสองรอบ รอบแรกเพื่อไปเจอเพื่อนซี้สมัยเรียนมหาวิทยาลัย และแวะเยี่ยมลูกพี่ลูกน้องที่กำลังเรียนต่ออยู่ที่นี่ การล่องเรือในทะเลสาบและนั่งเคเบิ้ลคาร์ไปยอดเขา Pilatus ไม่ได้สร้างความตื่นใจให้ฉันเท่ากับการได้ไปเดินเล่นบนกำแพงเมืองเก่า เป็นจุดชมวิวเมืองที่สวยที่สุดแห้งนึง มาลูเซิร์นก็หลายครั้งแต่เพิ่งได้มาชมวิวที่นี่ ขอยกให้เป็น Unseen Lucernce เลยก็แล้วกัน
ผ่านไปอีกสองอาทิตย์ ฉันก็กลับมาลูเซิร์นอีกครั้งเพื่อเจอกับเพื่อนร่วมงานเก่าจากเมืองไทย เราไปเที่ยวเล่นกันที่ The Swiss Museum of Transport ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงระบบการขนส่งของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ทุกรูปแบบ เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ดีมากที่สุดแห่งหนึ่งเลย ได้รับทั้งความรู้และความสนุกสนาน เหมาะสำหรับทุกคนทุกเพศทุกวัย
อีกหนึ่งวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ฉันลองนั่งรถบัสข้ามประเทศจากเยอรมนีไปหาเพื่อนรุ่นพี่ที่เรียนปริญญาโทด้วยกัน เรานัดเจอกันที่เมืองสุดฮิตของนักท่องเที่ยวชาวไทย นั่นก็คือเมืองฮัลล์ชตัทท์ (Hallstatt) เมืองริมทะเลสาบที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ถึงแม้เราจะมีเวลาเจอกันแค่แป๊บเดียวแต่ก็เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขสนุกสนานในการพบปะพูดคุยมาก ฉันมีเวลาส่วนตัวจึงลองเปิดมุมมองใหม่ในการชมเมืองฮัลล์ชตัทท์ที่นอกเหนือจากมุมยอดฮิต ด้วยการปั่นจักรยานริมทะเลสาบและเดินขึ้นเขาไปยังบ่อเกลือตามคำแนะนำของคนท้องถิ่น เป็นเส้นทางเดินเขาที่สวยมากเส้นหนึ่ง มั่นใจเลยว่าคนไทยส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้เห็นฮัลล์ชตัทท์ในมุมแบบนี้
ระหว่างเดินทางกลับจากฮัลล์ชตัทท์ฉันมีเวลาแวะเดินเล่นที่เมืองซาลส์บวร์ก (Salzburg) เมืองแห่งดนตรีคลาสสิกของประเทศออสเตรีย เพียงครึ่งวันที่ฉันเดินเล่นอยู่ที่นี่ ฉันสัมผัสได้ถึงบรรยากาศสุดโรแมนติก มองไปทางไหนก็เห็นแต่ภาพคู่รักอยู่ทุกมุมเมือง จนอดถามตัวเองไม่ได้ว่า “ฉันมาทำอะไรที่นี่ (คนเดียว)”
อีกวันหยุดสุดสัปดาห์หนึ่งที่ฉันเดินทางไปประเทศออสเตรีย ไปยังเมืองอินส์บรูค (Innsbruck) อีกครั้ง เมืองเล็กในอ้อมกอดของขุนเขาที่ฉันชอบมากที่สุดแห่งหนึ่ง ครั้งนี้ฉันเดินทางไปกับเพื่อนร่วมงานเก่าที่มาจากเมืองไทย แม้ฟ้าฝนจะไม่ค่อยเป็นใจให้พวกเราได้ขึ้นไปชมวิวสวยๆบนเขา แต่ก็ได้บรรยากาศที่สนุกสนานเฮฮา
ปิดท้ายเดือนเมษายน ด้วยการฉลองวันเกิดกับเพื่อนสนิท และล่องเรือในทะเลสาบโบเดนซีไปชมทุ่งดอกไม้ที่บานทั่วเกาะไมเนา (Insel Mainau) เกาะพฤกษศาสตร์เล็กๆในทะเลสาบที่ในเดือนเมษายน-พฤษภาคมมีดอกทิวลิปหลากสีสันเบ่งบานทั่วเกาะ เป็นเกาะที่สวยงามมากเลย ฉันชอบที่นี่มากอยากกลับไปอีกในช่วงฤดูร้อนที่ดอกกุหลาบบานดูบ้าง
พฤษภาคม MAY 2016
พฤษภาคมเป็นเดือนที่ฉันเที่ยวหนักอีกเดือนหนึ่งในปีนี้ เพราะเป็นเดือนที่เยอรมนีมีวันหยุดยาวเกือบทุกสัปดาห์ วันหยุดสัปดาห์แรกฉันเดินทางไปประเทศอิตาลี แวะเดินเล่นที่เมืองฟลอเรนซ์ (Florence) เมืองที่ฉันเคยหลงใหลในศิลปะและสถาปัตยกรรม ผ่านไปห้าปีที่นี่ก็ยังคงเสน่ห์น่าหลงใหลอยู่เช่นเดิม
จากฟลอเรนซ์ฉันเดินทางต่อไปยังเมืองปิซ่า (Pisa) ตั้งใจจะหนีตามกาลิเลโอ ไปเก็กท่าถ่ายภาพเก๋ๆที่หอเอนเมืองปิซ่าอย่างคนอื่นเขา ยังไม่ทันจะถึงหอเอนก็เกิดเหตุน่าตื่นเต้นให้ได้เปิดประสบการณ์ขึ้นโรงพักอิตาลีครั้งแรกในชีวิต เพราะตำรวจนอกเครื่องแบบจับโจรสาวที่ล้วงกระเป๋าเพื่อนของฉันได้ที่ทางออกสถานีรถไฟ เราสองคนจึงต้องไปให้การลงบันทึกที่สถานีตำรวจ แถมฉันยังไปทำซ่าเพราะไปคิดว่าพี่ตำรวจกล้ามโตเป็นมาเฟียซะอย่างนั้น กว่าจะคุยกันรู้เรื่องเสียเวลาไปหลายชั่วโมง มีเวลาถ่ายรูปเล่นกับหอเอนเพียงแป๊บเดียว เลยได้รูปไม่ค่อยเนียนอย่างที่เห็นนี่แหละ
จากเมืองปิซ่า ฉันและเพื่อนสาวเดินทางต่อไปยังชิงเกว่แตร์เร่ (Cinque Terre) จุดหมายหลักของการมาอิตาลีครั้งนี้ของเรา หมู่บ้านชาวประมงสีสันสดใสทั้งห้าแห่งที่ตั้งเรียงรายกันอยู่ริมหน้าผาทะเลเมดิเตอร์เรเนียนสวยงามดังคำร่ำลือ ถ้ามีโอกาสฉันอยากกลับไปเดินเล่นแถวนี้อีก เพราะชอบบรรยากาศที่นี่มากเหลือเกิน
ช่วงกลางเดือนฉันออกเดินทางแบ็คแพคคนเดียวไปสหราชอาณาจักรเป็นเวลา 9 วัน นับเป็นการเดินทางคนเดียวที่ยาวที่สุดของปีนี้ และเป็นการเดินทางที่ไม่ได้วางแผนล่วงหน้ามากมายนัก ตั้งต้นการเดินทางที่กรุงลอนดอน (London) ประเทศอังกฤษ มีเวลาที่นี่แค่ 24 ชั่วโมงเต็ม แต่ฉันก็สามารถเก็บจุดท่องเที่ยวสำคัญได้เกือบหมด น่าเสียดายที่มีเวลาไม่มากพอสำหรับเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ต่างๆ เพราะลอนดอนมีพิพิธภัณฑ์เจ๋งๆที่สามารถเข้าชมได้ฟรีอยู่ทั่วเมือง
จากลอนดอน ฉันนั่งรถไฟต่อไปยังเมืองน็อตติงแฮม (Nottingham) เพื่อไปเยี่ยมเพื่อนรุ่นน้องที่สนิทกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย หลังจากได้รับข่าวดีว่าเธอเพิ่งคลอดลูกน้อยได้ไม่กี่วัน ฉันเลยไปทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงเด็กและแสดงความยินดีกับครอบครัวของเพื่อนรัก ไหนๆก็ไปถึงแล้วคงไม่พลาดไปชมปราสาทน็อตติงแฮม (Nottingham Castle) เพื่อไปตามรอยโรบินฮู้ด (Robin Hood)
จากนั้นก็เดินทางต่อไปยังประเทศสกอตแลนด์ (Scotland) ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางหลักของการเดินทางครั้งนี้ ตั้งต้นที่เมืองหลวงเอดินเบอระ (Edinburgh) เมืองเก่าสุดขลัง ที่มีดีมากกว่าปราสาทเก่าอันโด่งดังและผู้ชายนุงกระโปรงลายสกอตเป่าปี่ แต่ที่นี่ยังมีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจมากมาย ที่ประทับใจที่สุดเห็นจะเป็นการตามรอยสถานที่สุดสยองขวัญ (Ghost tour)
หลังจากเดินเล่นเตร็ดเตร่อยู่ในเอดินเบอระ 2-3 วัน ฉันก็ทำตามความฝันโดยการเดินทางไป Highlands tour เพื่อไปดู hairy coo หรือวัวสกอตที่ขนยาวหน้าตาอินดี้ให้เห็นกับตาสักครั้ง ดินแดนแถบ Highlands ยังมีทัศนียภาพที่น่าสนใจและสวยงามมาก นับเป็นอีกหนึ่งการเดินทางที่สุดแสนประทับใจ
จากเอดินเบอระฉันนั่งรถบัสต่อไปยังเมืองฟอร์ด วิลเลี่ยม (Fort William) ตั้งใจไปขึ้นเขา Ben Nevis ยอดเขาที่สูงที่สุดบนเกาะบริติช แต่ฟ้าฝนไม่เป็นใจ ฝนตกตลอดเวลาสามวันที่นี่ ฉันจึงได้แต่เดินเล่นชมปราสาทเก่าแถวในเมือง และทำคชตามฝันอีกหนึ่งอย่างคือนั่งรถไฟสายแฮรี่ พอตเตอร์ หรือ The Jacobite Stream Train ไปยังเมือง Mallaig ที่นอกจากได้นั่งจินตนาการว่ากำลังเดินทางไปเรียนที่ Hogwarts แล้ว วิวทิวทัศน์ตลอดสองข้างทางยังสวยงามเพลิดเพลินใจมาก ฉันรู้สึกเสียดายที่มีเวลาอยู่ในดินแดบแถบ Highlands น้อยเกินไป เพราะยังมีอีกหลายสถานที่ที่น่าสนใจและธรรมชาติสวยงามแปลกตา หากมีโอกาสในวันข้างหน้าจะกลับมาอีกแน่นอน
ปิดท้ายการเดินทางฉายเดี่ยวเที่ยวสหราชอาณาจักรกันที่เมืองกลาสโกว์ (Glasgow) เมืองที่มีมหาวิทยาลัยเก่าแสนสวยและมีชื่อเสียงโด่งดัง และสถานที่หนึ่งที่ใครมาเยือนกลาสโกว์ต้องห้ามพลาดก็คือ Kelvingrove Art Gallery and Museum เชื่อว่าคนที่ไม่ใช่คอศิลปะหรือคอพิพิธภัณฑ์อาจจะเปลี่ยนใจได้หากได้มาเยือนที่นี่ 9 วันดูเหมือนว่าจะน้อยเกินไปสำหรับการมาเยือนสกอตแลนด์ วันหนึ่งฉันอยากกลับมาเยือนที่นี่อีก รวมทั้งประเทศอื่นๆในสหราชอาณาจักรด้วย
วันหยุดสุดสัปดาห์สุดท้ายของพฤษภาคม ฉันเดินทางกลับไปเยือนแคว้นอาลซัส (Alsace) อีกครั้ง เพราะได้รับเชิญจากเพื่อนร่วมงานชาวฝรั่งเศสที่เคยทำงานด้วยกันที่สิงคโปร์ให้ไปงานฉลองต้อนรับลูกชายคนแรกของเรา ฉันเลยถือโอกาสตะลอนเที่ยวเมืองเล็กๆในแถบนั้นอีกรอบ โดยเฉพาะที่เมืองกอลม่าร์ (Colmar) สีสันของบ้านไม้สไตล์ฝรั่งเศสแบบนี้ มากี่ครั้งก็ไม่เคยเบื่อ
ไม่ไกลจากกอลม่าร์ มีเมืองเล็กอีกเมืองที่บรรยากาศน่ารัก นั่นก็คือหมู่บ้านริควีร์ (Riquewihr) หมู่บ้านมรดกโลก เมืองแห่งไร่องุ่นที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในแคว้นอาลซัส เดินเล่มชมเมืองหรือนั่งรถชมไร่องุ่นก็เพลิดเพลินไม่แพ้กัน
หากหลงเสน่ห์บ้านไม้สีลูกกวาด แนะนำให้ไปต่อที่เมืองอ็องกีเชม (Eguisheim) ที่นี่นอกจากฉันจะได้ร่วมงานสังสรรค์กับเพื่อนๆชาวฝรั่งเศส ฉันยังได้มีโอกาสไปเดินเล่นรอบเมืองชิมไวน์ (Wine tasting) ถึงแม้จะยังชิมไวน์และแยกแยะรสชาตไวน์ไม่ค่อยออก แต่ก็เพลิดเพลินและได้ความรู้ติดตัวกลับมาบ้าง
มิถุนายน June 2016
มิถุนายน อากาศเริ่มอุ่นขึ้นมาก กิจกรรมกลางแจ้งก็มากขึ้นตามลำดับ ที่เมืองคอนสแตนซ์ที่ฉันอยู่มีการจัดงาน ตลาดขายของเก่า (Flea market) เป็นตลาดสายสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ เยอรมนี-สวิสเซอร์แลนด์ ที่มีระยะทางยาวถึง 14 กิโลเมตร เป็นเวลากว่า 1 สัปดาห์ คนที่นี่ช็อปกันจริงจังมาก สินค้าก็หลากหลายและน่าสนใจ
ด้วยอากาศที่เริ่มแจ่มใส พระอาิทตย์ขยันทำงานให้แดดที่อุ่นขึ้น ฉันและน้องจี๊ดจักรยานคู่ใจเลยขยันออกไปข้างนอกกันบ่อยขึ้น ฉันเริ่มค้นพบเส้นทางจักรยานริมทะเลสาบและริมแม่น้ำไรน์ในบรรยากาศชนบท ที่นอกจากได้ออกกำลังกายแล้วยังได้พักผ่อนใกล้ชิดธรรมชาติอีกด้วย โดยตอนนี้เส้นทางที่ฉันโปรดปรานก็คือ เส้นทางเมือง Gottlieben ไปถึงเมือง Stien Am Rhine ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
ปลายเดือนมิถุนายน ฉันได้มีโอกาสเดินทางไปประเทศโปรตุเกสครั้งแรก ครั้งนี้ฉันได้เดินทางไปสามเมืองหลักๆ เมืองแรกคือปอร์ตู (Porto) เมืองท่าริมน้ำแสนสวย ฉันชอบสีสันของบ้านเรือนและบรรยากาศริมน้ำที่นี่จัง
จากเมืองปอร์ตู นั่งรถไฟต่อไปยังเมืองลิสบอน เมืองหลวงของโปรตุเกส มีเวลาหนึ่งวันเต็มในการเดินทางออกนอกเมืองไปยังเมืองซินตรา (Sintra) เมืองที่ฉันเฝ้าฝันถึงมานาน เมืองที่มีสถาปัตยกรรมแสนสวยและประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ
เมืองลิสบอน (Lisbon) นอกจากเป็นเมืองหลวงของโปรตุเกสแล้ว เมืองนี้ยังมีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจมากๆ ที่นี่ยังเป็นจุดกำเนิดของขนมหวานที่คนไทยนิยมชมชอบมากมาย เช่น ทาร์ตไข่ ฝอยทอง ทองหยิบ ทองหยอด
กรกฎาคม JULY 2016
กรกฎาคม เข้าสู่ฤดูร้อนอย่างเต็มตัว เป็นเดือนที่ฉันออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้งอย่างเต็มที่ด้วย เริ่มต้นจากการกลับไปเดินเขากับเพื่อนรุ่นน้องชาวสวิสที่เมืองบาเซล (Basel) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ จุดเดินเขาที่นี่ไม่ได้สูงชันนักและไม่ได้เป็นจุดท่องเที่ยว แต่มีชาวเมืองไปเดินเล่นออกกำลังกายทำกิจกรรมครอบครัวกันไม่น้อยทีเดียว แถมวิวธรรมชาติก็แสนสวยไม่ต่างจากจุดชมวิวดังๆเลย
อีกหนึ่งอาทิตย์ต่อมา ฉันก็ไปเดินเขาอีก คราวนี้เป็นเมืองเบรเกนซ์ (Bregenz) ประเทศออสเตรีย ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของทะเลสาบโบเดนเซจากเมืองคอนสแตนซ์ที่ฉันอาศัยอยู่ ที่จริงจุดชมวิวของเมืองเบรเกนซ์สามารถขึ้นไปโดยง่ายโดยการนั่งกระเช้า
อีกกหนึ่งทริปเล็กๆที่แสนประทับใจของปีนี้ก็คือ Bavarian Romantic Road trip หรือการขับรถเที่ยวบนเส้นทางสายโรแมนติกแห่งแคว้นบาวาเรีย ประเทศเยอรมนี เป็นการรวมตัวกันของคนไทยสี่คนที่ทำงานอยู่ในเยอรมนด้วย เป็นทริปที่สนุกสนานและประทับใจมาก เส้นทางสวย ธรรมชาติงดงาม อาหารอร่อย สถาปัตยกรรมดีเลิศ
พระราชวังลินเดอฮอฟ (Linderhof) ปราสาทหลังเล็กสุดของกษัตริย์ Ludwig ที่ 2 ซึ่งสร้างโดยได้รับแรงบันดาลใจจากพระราชวัง Versailles ของฝรั่งเศส ปราสาทที่ชาวเยอรมันและชาวบาวาเรียนภาคภูมิใจมากที่สุดแห่งหนึ่ง
อารามเอททัล (Monastery Ettal/ Ettal Abbey) เป็นสำนักสงฆ์ที่ใหญ่ที่สุดในแคว้นบาวาเรีย
Roßfeldpanoramastraße เป็นเส้นทางสายโรแมนติกที่เมือง Berchtesgaden เป็นเส้นทางสั้นๆที่วิวสวยมาก เห็นวิวทิวเขาบริเวณชายแดนของสองประเทศ เยอรมนี-ออสเตรีย
ทะเลสาบ Königssee นับเป็นทะเลสาบที่สวยและน้ำใสที่สุดในประเทศเยอรมนี ล่องเรือชมวิวทะเลสาบ หรือจะเดินเล่นชมวิวก็เพลิดเพลินเช่นกัน หากมีโอกาสกลับไปที่นี่อีก อยากกลับไปเดินเขาเทรคกิ้งที่นี่ น่าจะฟินดีไม่น้อย
มหานครปารีส (Paris) แห่งประเทศฝรั่งเศสเคยเป็นเมืองในฝันของฉัน และเมื่อห้าปีก่อนที่นี่เคยทำฉันอกหักอย่างแรงเพราะปารีสไม่ได้เป็นเมือนในฝัน ครั้งนี้ฉันได้กลับมาปารีสอีกครั้งและมีเพื่อนชาวปารีเซียงพาเที่ยวปารีส ถึงแม้จะไปในสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง เช่น พระราชวังแวร์ซาย โบสถ์นอร์ทเธอร์ดาม เขามงมาร์ต แต่ฉันกลับได้เห็นปารีสในมุมที่เปลี่ยนไป จนฉันตกหลุมรักปารีสไปแล้ว (และอาจจะหลงรักคนปารีสไปแล้วด้วย)
สิงหาคม AUGUST 2016
สิงหาคมเป็นเดือนที่ทุกคนบอกว่า ฉันไม่ควรเดินทางไปไหนเพราะเป็นเดือนที่ทะเลสาบโบเดนเซจะสวยงามและบรรยากาศคึกคักที่สุด แต่ฉันกลับมีโอกาสอยู่แค่อาทิตย์เดียว เพราะเดินทางกลับไทยและไปงานแต่งงานเพื่อนสนิทที่ฟิลิปปินส์ถึงสามอาทิตย์ ก่อนกลับเลยถือโอกาสไปเที่ยวตะลอนใกล้ๆบ้าน เริ่มกันที่ Caumasee เมือง Chur ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ น้ำทะเลสาบสีสวย บรรยากาศเงียบสงบเหมาะแก่การพักผ่อนมาก
หลังจากนั้นก็ไปต่อที่น้ำตกไรน์ (Rheinfall) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ น้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป
ไม่ไกลจากน้ำตก ไปเดินเล่นชมเมืองเก่าในเมือง Schaffhausen เมืองเก่าเมืองแก่ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์
อีกเมืองเก่าที่มีเสน่ห์ไม่แพ้กันก็คือเมือง Stein am Rhein เป็นเมืองเล็กที่มีความเก๋ไก๋น่ามาเยือนยิ่งนัก กับบรรยากาศสดชื่นริมทะเลสาบและบ้านเก่าแบบสวิสโบราณที่มีภาพเขียนบนฝาผนังสวยงาม
สามอาทิตย์สุดท้ายของเดือนฉันเดินทางกลับเมืองไทยเพื่อฉลองวันแม่กับครอบครัวและใช้เวลากับเพื่อนฝูง หลังจากใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศมานานกว่าหกปี ถึงแม้จะได้กลับไปเยี่ยมบ้านและเยี่ยมเพื่อนที่กรุงเทพบ่อยๆ แต่แทบจะไม่ได้เดินสำรวจกรุงเทพแบบทะลุปรุโปร่งเหมือนสมัยก่อน เลยใช้โอกาสนี้ชักชวนเพื่อนนักเดินทางที่รู้จักกันผ่านโลกออนไลน์ออกไปสำรวจย่านเมืองเก่ากัน เป็นหนึ่งวันสั้นๆที่สนุกและมีความสุขมาก
ปกติทุกปีฉันและเพื่อนสนิทสมัยเรียนมหาวิทยาลัยจะรวมตัวกันไปเที่ยวต่างจังกวัดด้วยกันสักครั้ง ครั้งนี้เราไม่ค่อยได้เตรียมตัวกันมากนักเลยเดินทางไปแค่เขาใหญ่แบบไม่มีแผน ทริปนี้จึงลงท้ายเพียงแค่ กิน นอน เม้าท์ สนุกสนานเฮฮากันไป บางครั้งการเดินทางก็ไม่ได้สำคัญที่สถานที่ แต่เป็นเพื่อนร่วมทางต่างหาก
หลังจากเตร็ดเตร่ในเมืองกรุงกับเพื่อนฝูงก็ถึงเวลากลับไปฉลองวันแม่กับครอบครัวที่บ้านเกิด จ.สงขลา ครั้งนี้ฉันและครอบครัวได้ไปชมบรรยากาศของเกาะยอและคาเฟ่บ้านเก่าสุดคลาสสิก
หลังจากร่ำลาครอบครัวและเพื่อนฝูง ฉันเดินทางต่อไปยังประเทศฟิลิปปินส์เพื่อไปร่วมแสดงความยินดีกับเพื่อนสนิทชาวฟิลิปปินส์ในงานแต่งงาน นับเป็นครั้งแรกที่ฉันได้ร่วมพิธีแต่งงานแบบคริสต์ในโบสถ์และได้เป็นเพื่อนเจ้าสาว เป็นงานแต่งที่ไม่เล็กไม่ใหญ่แต่มีบรรยากาศอบอุ่นและซาบซึ้งมาก ฉันรู้สึกตื้นตันและยินดีกับเพื่อนมากจริงๆ
กันยายน September 2016
ก่อนที่ลมหนาวจะพัดมา ฉันรีบฉวยโอกาสออกไปปั่นจักรยานเล่นรอบทะเลสาบโบเดนเซ และลองปั่นไปเที่ยวเกาะไรเชอเนา (Reichenau) เป็นเกาะที่ตั้งอยู่กลางทะเลสาบและได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลก ปัจจุบันมีชื่อเสียงว่าเป็นบริเวณการเกษตรกรรมที่สำคัญในการปลูกผักและไร่องุ่นของเยอรมนี
กลางเดือนกันยายน เป็นจุดเริ่มต้นของเทศกาลเบียร์นานาชาติที่ยิ่งใหญ่ระดับโลกของเยอรมนี หรือที่เรียกว่า Oktoberfest ฉันและเพื่อนร่วมงานได้ไปร่วมงานเบียร์ที่เมืองมิวนิค เป็นงานที่บรรยากาศสนุกสนาน เฮฮาและเมากันเยอะมาก เป็นอีกหนึ่งความประทับใจของปี
อีกครั้งที่ได้กลับไปปารีส และเป็นอีกครั้งที่ฉันมองหอไอเฟลเปลี่ยนไป
อาทิตย์สุดท้ายของเดือนกันยายน ฉันเดินทางไปยังเมืองโคเปนฮาเกน (Copenhagen) เมืองหลวงของประเทศเดนมาร์ก เป็นครั้งแรกที่ฉันเดินทางมายังดินแดนสแกนดิเนเวีย โคเปนฮาเกนเป็นเมืองที่น่าอยู่มากและมีดีมากกว่ารูปปั้นนางเงือกน้อย ฉันรู้สึกหลงรักเมืองนี้เข้าอย่างจัง
ตุลาคม OCTOBER 2016
จากโคเปนฮาเก้น ฉันเดินทางข้ามประเทศไปยังเมือง Landskrona ประเทศสวีเดน เพื่อเยี่ยมเพื่อนสนิทที่แต่งงานและสร้างครอบครัวอยู่ที่นี่ ฉันดีใจที่ได้เห็นเพื่อนรักมีครอบครัวที่น่ารักอบอุ่น แทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเลยว่าเพื่อนคนนี้จะกลายเป็นคุณแม่ลูกสามไปแล้ว เรามีเวลาไปเดินเล่นเมือง Malmo ด้วยกัน เป็นอีกหนึ่งวันที่เราได้พูดคุยแลกเปลี่ยนรื้อฟื้นความหลังกันอย่างสนุกสนาน
สตุ๊ตการ์ต (Stuttgart) เป็นเมืองหนึ่งที่ฉันเดินทางไปบ่อยมากเพราะอยู่ไม่ไกลและมีเพื่อนสนิทอยู่ บางทีสถานที่ที่เราไปบ่อยๆอาจทำให้เราหมางเมินความสวยงามของสถานที่นั้นไป ครั้งนี้ฉันได้เห็นสตุ๊ตการ์ตในมุมใหม่ๆและในมุมสวยๆที่แอบซ่อนอยู่
ไฮเดลเบิร์ก (Heidelberg) เป็นอีกเมืองหนึ่งในเยอรมนีที่ฉันชอบ ด้วยบรรยากาศเมืองเก่าริมแม่น้ำและจุดชมวิวเมืองบนปราสาท ครั้งนี้ฉันพาเพื่อนสนิทสมัยมัธยมที่มาเที่ยวยุโรปกลับไปเที่ยวที่นี่อีกครั้ง
อีกอาทิตย์หนึ่งฉันพาเพื่อนไปเที่ยวเมืองลินเดา (Lindau) เมืองเล็กริมทะเลสาบที่สวยและบรรยากาศดีไม่เบาที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของทะเลสาบโบเดนเซ
จากนั้นก็ไปต่อที่เมืองเบรเกนซ์ (Bregenz) ประเทศออสเตรีย คราวนี้ฉันพาเพื่อนนั่งกระเช้าขึ้นไปชมวิวทะเลสาบบนนั้น
ช่วงปลายเดือน ฉันได้กลับไปเยือนปารีสอีกครั้ง คราวนี้ได้ไปใช้ชีวิตและทำงานอยู่เป็นเวลาเกือบเดือน เมื่อได้ไปใช้ชีวิตอยู่จริงๆ ฉันกลับรู้สึกรักเมืองนี้เข้าแล้ว สำหรับฉันปารีสก็คล้ายๆกับกรุงเทพหรือเมืองใหญ่อื่นๆที่มีทั้งความสวยงาม ความสะดวกสบย ความสนุก ความสกปรก ความวุ่นวายปนเปกันไป เหรียญมีสองด้านฉันใด ทุกสิ่งบนโลกนี้ล้วนมีสองด้านฉันนั้น
พฤศจิกายน November 2016
พฤศจิกายนลมหนาวเริ่มมาเยือน ฉันเดินทางกลับไปยังเขตยุ้งเฟร้า ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ตั้งใจจะไปเดินเล่นบนเขาแถวเมือง Lauterbrunnen แต่กลับไปเจอหิมะตกอย่างหนัก ทำให้ไปเเดินเขาไม่ไหวเพราะไม่ได้เตรียมตัวมารับศึกหิมะขนาดนี้ แต่ก็ได้บรรยากาศหิมะโปรยปรายสวยไปอีกแบบ
วันต่อมาหิมะหยุดตก ฉันเลยนั่งเคเบิ้ลคาร์ขึ้นเขาไปยังหมู่บ้าน Murren ฉันเคยมาที่นี่ในช่วงฤดูร้อนที่มีแต่ทุ่งหญ้าและฝูงวัว แต่ในฤดูหนาวที่มีหิมะขาวปกคลุมก็ดูสวยงามอย่างกับเมืองในเทพนิยายเลยทีเดียว
จากนั้นก็นั่งเคเบิ้ลคาร์ต่อไปยังยอดเขา Schilthorn ที่ระดับความสูง 2970 เมตรจากระดับน้ำทะเล เป็นยอดเขาที่ใช้ในการถ่ายทำภาพยนต์เรื่องเจมส์บอน 007 จนใครๆก็เรียกที่นี่ว่า ยอดเขาเจมส์บอน
กลางเดือนพฤศจิกายนฉันมีวันหยุดยาวสี่วัน เลยหนีหนาวที่เยอรมนีไปหาแดดอุ่นที่ฝรั่งเศสในดินแดนที่เรียกว่า French Riviera โดยเริ่มต้นที่เมืองนีซ (Nice) เมืองตากอากาศริมทะเลแสนสวยของฝรั่งเศส
วันที่สอง ฉันนั่งเรือไปยังเที่ยวเมือง St Tropez เมืองสุดหล่อของเหล่าคนดัง วันนั้นบรรยากาศคึกคักเพราะมีการปิดเมืองลดราคาสินค้าแบรนด์เนมพอดี
วันที่สาม ฉันนั่งรถไฟไปเที่ยวเมืองคานส์ (Cannes) เมืองหรูเพราะมีเทศกาลหนังชื่อดังให้ดาราดังๆมาเดินพรมแดง ฉันไม่ได้ติดใจบรรยากาศริมทะเลเท่ากับที่ติดใจบรรยากาศเมืองเก่าบนเขา
วันสุดท้ายในเขต French Riviera ฉันนั่งรถไฟต่อไปยังประเทศโมนาโก (Monaco) ประเทศที่มีพื้นที่เล็กเป็นอันดับสองของโลก แต่เป็นประเทศที่มีประชากรหนาแน่นมากที่สุดในโลก ถึงจะเล็กแต่เล็กพริกขี้หนู อัดแน่นด้วยความน่าสนใจอย่างเพียบพร้อม
ธันวาคม December 2016
ธันวาคม ถึงแม้อากาศจะเริ่มหนาวมากแล้วแต่บรรยากาศก็เริ่มคึกคักขึ้น เพราะผู้คนเริ่มเตรียมตัวเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาส ตลาดคริสต์มาส (Christmas market) เริ่มขึ้นตั้งแต่ต้นเดือนไปจนถึงวันที่ 24 ธันวาคม ฉันจึงแวะไปกินดื่มที่ตลาดคริสต์มาสเกือบทุกวันหลังเลิกงาน วันหยุดสุดสัปดาห์แรกฉันไปเที่ยวตลาดคริสต์มาสที่เมือง Stuttgart และเมือง Esslingen ฉันชอบบรรยากาศตลาดคริสต์มาสที่เมือง Esslingen มาก ด้วยบรรยากาศย้อนยุคแบบสมัยยุคกลาง อาหารก็อร่อย
ช่วงปลายเดือนธันวาคมเป็นช่วงที่ชาวยุโรปส่วนใหญ่ลาพักร้อนเพื่อใช้เวลากับครอบครัวในช่วงวันคริสต์มาส ฉันก็ใช้โอกาสนี้ในการลาพักร้อนเพื่อเดินทางกลับมาเยี่ยมครอบครัวที่เมืองไทย และได้ไปถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชด้วยความรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดไม่ได้
ชีวิตคือการเดินทางที่มีวันสิ้นสุด
แต่ละปีที่ผ่านไป ไม่ต่างอะไรกับการที่เราเดินทางผ่านหลักกิโลเมตรบนทางหลวง เมื่อผ่านหลักกิโลที่หนึ่งไป เราเองก็ไม่อาจคาดเดาได้ว่าจะสามารถผ่านหลักกิโลข้างหน้าได้หรือไม่ เช่นเดียวกันกับชีวิตที่กำลังจะผ่านพ้นไปอีกหนึ่งปี เราทุกคนก็ไม่อาจคาดเดาได้ว่าจะเกิดอะไรในอีกหนึ่งปีข้างหน้า หรืออาจจะตั้งคำถามกับตนเองว่า เรายังจะมีเวลาในชีวิตเหลือพอที่จะอยู่ไปถึงวันสุดท้ายของปีหน้าหรือไม่
ดังนั้น อยากทำอะไรให้รีบทำ อยากไปไหนให้รีบไป อยากบอกรักใครให้รีบบอก
เพราะชีวิตมันสั้น และโลกใบนี้ช่างกว้างใหญ่ยิ่งนัก
Life is short and the world is wide