ทะเลสาบโบเดนเซ (Bodensee) เป็นพรมแดนทางธรรมชาติระหว่างสามประเทศ คือ เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ และออสเตรีย และยังเป็นทะเลสาบเพียงแห่งเดียวของยุโรปที่ไม่มีปักปันเขตแดนบนผืนน้ำอย่างเป็นกฎหมายหรือลายลักษณ์อักษร ในทางกฎหมายแล้วทะเลสาบแห่งนี้จึงมีสถานะเปรียบเสมือนน่านน้ำสากลที่ไม่ขึ้นกับชาติใด

นับเป็นความโชคดีของฉันที่ได้มาพักอาศัยอยู่ในดินแดนแถบนี้ ได้อยู่ใกล้ชิดอิงแอบธรรมชาติ ห่างจากเมืองคอนสแตนซ์ (Konstanz) ที่ฉันอยู่ไปเพียง 800 เมตรก็จะเป็นด่านพรมแดนระหว่างประเทศเยอรมนีและสวิตเซอร์แลนด์ หากเดินทางโดยรถยนต์ก็จะต้องผ่านจุดตรวจ (Check point) แต่ถ้าเดินเลียบไปตามริมทะเลสาบ ก็สามารถข้ามเขตแดนไปโดยที่ไมีมีอะไรกั้น มีเพียงป้ายบอกประเทศเล็กๆเท่านั้น (เล็กมาก เล็กจนแทบมองไม่เห็นถ้าไม่สังเกตดีๆ)

ฉันเลยอยากพาไปเดินเล่นข้ามแดนไปยังเมือง Kreuzlingen เมืองชายแดนริมทะเลสาบของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมืองเล็กๆที่ฉันชอบไปเดินเล่นหรือวิ่งจ๊อกกิ้งในวันที่อากาศดี

---

ฤดูหนาวในวันที่ท้องฟ้าสดใสและดวงอาทิตย์ขยันทำงาน ฉันหยิบกล้องถ่ายรูปคู่ใจออกไปเดินเล่นริมทะเลสาบ เดินเรื่อยเปื่อยไม่มีจุดหมายชัดเจน วันอาทิตย์เป็นวันพักผ่อนของคนที่นี่ จึงเห็นภาพครอบครัว คู่รัก เพื่อนพ้อง ออกมาเดินเล่นหรือทำกิจกรรมร่วมกัน

ฉันชอบมาเดินเล่นหรือวิ่งจ๊อกกิ้งที่เมือง Kreuzlingen เพราะเงียบสงบ วิวสวย และเป็นจุดดูนกและเป็ดน้ำที่ดีมากที่สุดจุดหนึ่งของทะเลสาบโบเดนเซ ในฤดูหนาวไอหมอกจะลอยตัวอยู่สูงไม่ปกคลุมทะเลสาบ ทำให้เห็นวิวเทือกเขาแอลป์จากฝั่งตรงข้ามได้สวยงามและชัดเจนด้วย

เดินเลียบไปตามทางเดินริมทะเลสาบจากเมือง Konstanz ประมาณ หนึ่งกิโลเมตรก็จะถึงท่าเรือของเมือง Kreuzlingen ที่มีที่นั่งนั่งริมน้ำดีไซน์เก๋ไก๋

เดินต่อไปจากบริเวณท่าเรือ ก็จะเป็นเขตนกน้ำ ที่นี่มีหอคอยชมนก และมีพื้นที่เป็นเกาะแก่งเล็กๆที่สามารถเดินเข้าไปชมนกชมเป็ดได้แบบใกล้ชิด

ตามไปดูนก ดูเป็ดน้ำแบบใกล้ชิดกันบ้าง ฉันชอบมาส่องดูนกกาที่นี่ หน้าตาพวกมันน่ารักน่าเอ็นดู บางทีก็มีพฤติกรรมตลกๆแปลกๆให้ได้เห็น เพลินดีเหมือนกัน

บนหอคอย นอกจากได้เห็นวิวจากมุมสูงแล้ว ยิ่งเห็นชัดว่าน้ำในทะเลสาบใสสะอาดราวกระจก

มองย้อนกลับไปทางที่เดินมา ก็จะเห็นตัวเมืองและท่าเรือของเมือง Konstanz อยู่ไกลๆ

และหากมองไปยังอีกฝั่งหนึ่งก็เป็นฝั่งสวิตเซอร์แลนด์ที่มีเทือกเขาแอลป์แสนสวยอวดโฉมอยู่เบื้องหลัง

จากหอคอยดูนก สามารถเดินเลียบต่อไปตามทางเดินริมทะเลสาบ จะมีภาพบรรยากาศผู้คนมานั่งพักผ่อน บ้างมาเดี่ยว บ้างมาคู่ มีทั้งคู่รัก และคู่เพื่อน บ้างก็มากันเป็นครอบครัว ชีวิตเด็กน้อยและหมาแมวที่นี่ช่างน่าอิจฉาที่เติบโตมาในดินแดนที่อากาศแสนบริสุทธิ์ แต่เด็กแถวนี้บางคนก็แสบไม่ใช่น้อย

ในวันว่างฉันชอบมานั่งทอดกายปล่อยอารมณ์เสมือนว่ากำลังเป็นนางเอกมิวสิควิดีโอ อาจจะเหงาคิดถึงบ้านบ้างตามประสาคนโสดที่อยู่ไกลบ้าน แต่ทุกครั้งที่มานั่งพักผ่อนแถวนี้ ฉันรู้สึกมีพลังกลับไปทุกที คงอย่างที่ใครหลายๆคนบอกกล่าวไว้ว่า ธรรมชาติเป็นยาบำบัดโรคได้ทุกขนาน และที่นี่ก็ทำให้ฉันรู้ว่า ไม่ได้มีฉันเป็นคนเหงาคนเดียวบนโลกใบนี้

บ่อยครั้งที่ฉันเดินเล่นเพลินไปไกลเป็นระยะทางกว่า 5 กิโลเมตร จุดนี้มีร้านคาเฟ่เล็กๆที่มีที่นั่งริมทะเลสาบ ส่วนใหญ่ฉันจะพกขนมและเครื่องดื่มมาด้วยเพราะที่สวิตเซอร์แลนด์ค่าอาหารแพงกว่าฝั่งเยอรมนีเยอะ และหากเดินต่อไปอีกหน่อยก็จะเป็นบริเวณที่จอดเรือของชาวบ้านแถวนี้ ถ้าเป็นช่วงฤดูร้อนบรรยากาศในทะเลสาบจะคึกคักเต็มไปด้วยเรือใบเรือสปีดโบ้ทลอยละล่องอยูเต็มผืนน้ำ

ในฤดูหนาวต้นไม้ไร้ใบ แต่ลำต้นและกิ่งก้านที่แตกสาขาตัดกับสีท้องฟ้า ก็ดูสวยงามไปอีกแบบ

เวลาเดินกลับฉันมักเลือกที่จะเดินอีกเส้นทางหนึ่งที่ไม่ได้อยู่ริมทะเลสาบแต่ขนานกันไป ซึ่งเส้นทางนี้จะผ่านสวนสัตว์เล็กๆ ที่มีสัตว์หลากหลายชนิด เป็นศูนย์เรียนรู้นอกห้องเรียนซึ่งเป็นที่โปรดปรานของเด็กๆแถวนี้

และนี่ก็เป็นภาพบรรยากาศของวันหยุดสุดสัปดาห์พักผ่อนสบายๆของฉันที่นี่ อาจจะไม่คึกคักไม่มีแสงสี เงียบสงบ ไม่ฟุ้งเฟ้อ แต่ภาพแบบนี้ก็เริ่มกลายเป็นภาพที่ฉันคุ้นชินมากกว่าเมืองใหญ่ที่แสนวุ่นวายไปเสียแล้ว

วันนี้ขอลาไปก่อน แล้วจะพาไปเที่ยวเมืองใกล้ๆรอบๆทะเลสาบกันอีก

ฝากติดตามเรื่องเล่าจากเมืองเบียร์ตอนอื่นๆด้วยค่ะ

ChocolART เทศกาลช็อคโกแลต

เมืองน่าเที่ยวรอบทะเลสาบ Bodensee – เมือง Konstanz

เรื่องเล่าจากเมืองเบียร์ A year in Germany

เดินเล่นชมนกริมทะเลสาบ Bodensee – เมือง Kreuzlingen