เป็นเวลาเกือบหนึ่งปีแล้วที่ฉันได้มาใช้ชีวิตและทำงานอยู่ที่ประเทศเยอรมนี ณ เมืองเล็กๆริมทะเลสาบ Bodensee หรือ Lake Constance
เมื่อเอ่ยถึงเมือง Konstanz คนไทยน้อยคนนักที่จะรู้จัก แต่สำหรับชาวยุโรป ที่นี่เป็นเหมือนเมืองตากอากาศที่บรรยากาศดีเงียบสงบและมีชื่อเสียงมากเมืองหนึ่งเลยทีเดียว เมื่อมีโอกาสได้มาใช้ชีวิตอยู่ในดินแดนที่คนเยอรมันเอ่ยว่า เป็นเมืองที่น่าอยู่มากที่สุดเมืองหนึ่งของประเทศ ฉันก็อยากใช้เวลาทำความรู้จักกับดินแดนรอบทะเลสาบแห่งนี้ให้มากที่สุด
จากประสบการณ์เกือบหนึ่งปีที่ผ่านมา ก็ช่วยยืนยันกับฉันแล้วว่า เมือง Konstanz น่าอยู่มากๆ ฉันจึงอยากนำภาพและเรื่องราวดีๆของเมืองนี้มาเล่าสู่กันฟัง รวมทั้งจะพาไปเที่ยวชมเมืองต่างๆรอบๆทะเลสาบ Bodensee กันด้วย
Bodensee หรือโบเดนเซในภาษาเยอรมัน คือ ทะเลสาบที่อยู่ทางใต้ของสาธารณรัฐเยอรมนี มีอาณาเขตติดต่อกับภาคเหนือของสวิตเซอร์แลนด์และภาคตะวันออกของออสเตรีย หากมาเที่ยว Bodensee ก็สามารถเที่ยวได้ทั้งสาม ประเทศในครั้งเดียว ทะเลสาบ Bodensee มีความยาว 73 กม. กว้างประมาณ 15 กม. ลึก 252 เมตร จัดเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ แต่ชายฝั่งส่วนใหญ่อยู่ในเขตประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และส่วนน้อยอยู่ในประเทศออสเตรีย
เริ่มต้นกันที่เมืองคอนสแตนซ์ (Konstanz) เมืองเล็กแต่ทำเลดีสุดๆเพราะมีพื้นที่ติดทั้งทะเลสาบและแม่น้ำไรน์ ใกล้ชิดกับธรรมชาติ แต่ก็สะดวกสบายและมีชีวิตชีวา เพราะเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งของเยอรมนี นั่นก็คือ The Universuty of Konstanz จึงพอมีร้านอาหาร คาเฟ่ คลับ บาร์ ไม่ให้เงียบเหงาจนเกินไป อีกทั้งอยู่ติดกับชายแดนประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์จึงคึกคักมากเป็นพิเศษเพราะชาวสวิสก็จะมาเที่ยวพักผ่อนและช็อปปิ้งกันที่นี่ด้วยค่าครองชีพที่ถูกกว่าเยอะ
หนึ่งปีที่ผ่านมา ฉันได้สัมผัสรอบทะเลสาบโบเดนเซครบทั้งสี่ฤดู แต่ละฤดูมีข้อดีข้อเสีย มีความสวยงามและเสน่ห์ที่แตกต่างกันไป หนึ่งมีที่ออกเดินทางมาอยู่ในโลกไกลบ้านอีกครั้ง จนเริ่มรู้สึกผูกพันกับบ้านหลังใหม่หลังนี้ คงอย่างที่รายการสองข้างทาง/Along way home ได้กล่าวไว้ว่า
การเดินทาง…อาจจะไม่ใช่แค่การได้เห็นหรือได้สัมผัส
แต่หมายถึง การได้ไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นด้วย
ฉันเริ่มต้นการใช้ชีวิตที่นี่ในต้นฤดูหนาว เดือนธันวาคม 2015 ถึงแม้ช่วงกลางวันจะสั้นและบรรยากาศอึมครึมกว่าฤดูไหน แต่หากวันใดที่หมอกไม่เยอะ บรรยากาศพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกริมทะเลสาบจะสวยงามมากกว่าฤดูไหน บ่อยครั้งที่ฉันยอมตื่นเช้าออกไปกัดฟันนั่งทนหนาวเพื่อดื่มด่ำกับบรรยากาศพระอาทิตย์โผล่จากน้ำมาทักทายชาวโลก
บรรยากาศพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าจากบริเวณท่าเรือ
ข้อดีอีกอย่างของฤดูหนาวก็คือ เทือกเขาแอลป์ที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามของทะเลสาบในดินแดนประเทศสวิตเซอร์แลนด์และออสเตรียจะโผล่ออกมาอวดโฉมให้เห็นกันบ่อยขึ้น เพราะฤดูหนาวหมอกจะไม่กระจายแต่จะรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนลอยอยู่เหนือยอดเขา ไม่บดบังวิวอันแสนงดงามของทะเลสาบ ยิ่งวันไหนฟ้าแจ่มใสก็จะยิ่งเห็นเทือกเขาสวยงามยิ่งขึ้
ต้นไม้จะเหลือแต่เพียงกิ่งและก้าน โดยเฉพาะต้นไม้ริมทะเลสาบเหล่านี้ที่ฉันไม่รู้จักชื่อ แต่แอบเรียกมันว่าต้นเอเลี่ยนในฤดูหนาว
ถึงแม้อากาศจะหนาว แต่ผู้คนก็ยังออกมานั่งเล่นชมวิวริมทะเลสาบ
บางทีก็แอบสงสัยไม่ได้ว่า เจ้านกน้อย เจ้าไม่หนาวบ้างหรือไร
จากท่าเรือหากเดินไปตามทางเดินเลียบทะเลสาบ ก็จะอ้อมไปยังอีกฝั่งที่สามารถมองย้อนกลับมาทางฝั่งท่าเรือและตัวเมือง ฝั่งนี้เป็นจุดที่ฉันชอบมานั่งพักผ่อนหลังปั่นจักรยานหรือวิ่ง(เดิน)จ๊อกกิ้งในตอนเย็น ในยามอาทิตย์อัสดงบรรยากาศฝั่งนี้จะงดงามและโรแมนติกกว่าตอนเช้า
ภาพเงาของโบสถ์ประจำเมืองในช่วงทไวไลท์งดงามมากทีเดียว
เปลี่ยนบรรยากาศไปเดินชมย่านเมืองเก่ากันบ้าง ย่านเมืองเก่าที่นี่มีถนนสายหลักอยู่เพียงไม่กี่สาย แต่ยังคงกลิ่นอายของตึกแบบโบราณสีลูกกวาด เมืองคอนสแตนซ์โชคดีที่อยู่ติดกับสวิตเซอร์แลนด์จึงรอดพ้นจากการถูกระเบิดโจมตีในช่วงสงครามโลก ภายนอกตึกยังคงความดั้งเดิมไว้ ส่วนด้านในก็ถูกปรับปรุงปรับโฉมให้เป็นร้านค้า ร้านอาหาร สำนักงานหรือที่พักอาศัย
จากตัวเมืองเก่าสามารถเดินไปเจอกับแม่น้ำไรน์ที่แตกสายออกมาจากทะเลสาบโบแดนเซ หากเดินเลียบหรือปั่นจักรยานเลียบแม่น้ำฝั่งเดียวกับเมืองเก่าก็จะสามารถทะลุไปถึงเมืองชายขอบของประเทศสวิสเซอร์แลนด์ หรือถ้าข้ามสะพานไปยังอีกฝั่งของแม่น้ำ จะเป็นฝั่งมหาวิทยาลัยหรือเมืองใหม่ที่เรียกว่า Konstanz Petershausen ซึ่งฝั่งนี้จะมีความคึกคักของหนุ่มสาววัยมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะในฤดูร้อนจะยิ่งคึกคักเป็นพิเศษ หนุ่มสาวในชุดบิกินี่จะมาเล่นน้ำ นอนอาบแดด รวมกลุ่มกันจัดบาร์บีคิวปาร์ตี้ริมน้ำ
ฤดูหนาวที่คอนสแตนซ์อาจจะมีช่วงเวลาหิมะตกบ้าง แต่ด้วยความที่อยู่ใกล้น้ำ หิมะก็จะอยู่ได้ไม่นานมักละลายกลายเป็นหิมะแฉะๆ ไม่ได้สวยงามดั่งเมืองเทพนิยายเมืองอื่น แต่เมื่อย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ เมืองคอนสแตนซ์ก็จะกลับมาแจ่มใสอีกครั้ง นักท่องเที่ยวก็เริ่มเดินทางมาเที่ยวเมืองต่างๆรอบๆทะเลสาบมากขึ้น ต้นเอเลี่ยนก็เริ่มผลิใบเขียวออกมาจนดูเป็นต้นไม้ปกติ ดอกไม้สีสันสดใสก็เริ่มแข่งกันอวดโฉม ตัวฉันเองก็เริ่มขยันออกไปทำกิจกรรมข้างนอก เดินเล่น ปั่นจักรยาน วิ่งจ๊อกกิ้ง บ่อยขึ้น
หลายคนคงเริ่มสงสัยและอยากรู้ประวัติความสำคัญของรูปปั้นผู้หญิงคนนี้ที่ตั้งเด่นอยู่ตรงทางออกของท่าเรือ เธอคนนี้มีชื่อว่า “อิมพิเรีย (The Imperia)” รูปปั้นที่เป็นเสมือนสัญลักษณ์ของเมืองคอนสแตนซ์ สร้างขึ้นในปีค.ศ.1998 ทำจากคอนกรีต 18 ตัน มีความสูงประมาณ 9 ฟุต เธอจะใช้เวลาประมาณสี่นาทีในการหมุนรอบตัวเอง ประวัติของเธอก็น่าสนใจไม่น้อย เพราะรูปปั้นนี้สร้างข้ึนเพื่อทิ่มแทงเสียดสีต่อการประพฤติปฏิบัติตนของบรรดาพระคาร์ดินัลและเจ้าชายทั้งหลายในสภาเมืองคอนสแตนซ์ในช่วงปีค.ศ.1414-1418 อิมพีเรียเป็นรูปปั้นหญิงโสเภณีชั้นสูงที่ชูผู้ชายสองคนไว้ในมือ ข้างซ้ายเป็นรูปปั้นเปลือยกายของสันตปาปามาร์ตินที่ 5 (Papst Martin V.) ส่วนข้างขวาเป็นรูปปั้นเปลือยกายของจักรพรรดิซิกกี้สมุนด์ (Kaiser Sigismund) เมื่อเขยิบเข้ามาดูอิมพีเรียใกล้ๆก็จะเห็นว่านางมีรูปร่างทรวดทรงองค์เอวที่เซ็กซี่มากเลยทีเดียว
ส่วนตัวแล้วฉันหลงรักฤดูร้อนที่เมืองคอนสแตนซ์มากเป็นพิเศษ และคิดว่าชาวเมืองและเพื่อนๆของฉันทุกคนที่นี่ก็คิดเหมือนกัน ฤดูร้อนที่พระอาทิตย์จะขยันทำงานเป็นพิเศษ ตื่นเช้าทำงานตั้งแต่ตีห้า กว่าจะลากลับบ้านก็สองสามทุ่ม ทำให้มีเวลากลางวันนานกว่าปกติ เอาไว้ชดเชยช่วงกลางวันแสนสั้นในฤดูหนาว ท้องฟ้าจะสดใสเกือบทุกวัน บางวันก็ร้อนถึง 30 องศา คนที่นี่ไม่ชอบติดเครื่องปรับอากาศทั้งที่บ้านและที่ทำงาน หากอยู่ในตัวอาคารอาจจะร้อนจนอบอ้าวอึดอัด ผผู้คนส่วนใหญ่จะเริ่มงานกันแต่เช้าแล้วรีบกลับบ้านเพื่อใช้ช่วงเวลาหลังเลิกงานทำกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น วิ่ง ปั่นจักกรยาน เดินเล่น บาร์บีคิว หรือทำกิจกรรมทางน้ำ เช่น ล่องเรือใบ พายคายัค นอนอาบแดด นุ่งบิกินี่เล่นน้ำในทะเลสาบหรือแม่น้ำไรน์
ฉันเพิ่งเข้าใจเพื่อนชาวยุโรปที่ชอบนอนอาบแดด ก็เมื่อฤดูร้อนของฉันที่นี่มาถึง จากที่เคยชินกับการใส่เสื้อผ้า กางร่มหรือใส่หมวกหลบแดด ช่วงนั้นฉันแทบจะวิ่งเข้าหาแดด ออกไปนั่งเล่นกลางแดด และสนุกกับการนอนอาบแดดเหมือนกับคนที่นี่ไปด้วย ฤดูหนาวทำให้เราเห็นความสำคัญของแสงอาทิตย์มากขึ้น ที่สำคัญฉันชอบบรรยากาศและความมีชีวิตชีวาในฤดูร้อน เมืองที่เงียบเหงาในฤดูหนาวกลับกลายเป็นคึกคัก ผู้คนที่หน้าตาไม่สดชื่นเปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มแจ่มใส
บรรยากาศริมอ่าว เรือท่องเที่ยวในทะเลสาบโบเดนเซและแม่น้ำไรน์มีให้บริการมากขึ้น ผู้คนมักออกมาเดินเล่น นั่งเล่น จิบเบียร์เย็นๆ
บ้างก็ถอยเรือที่เคยจอดเก็บอยู่ที่ท่าออกจากฝั่ง กิจกรรมทางน้ำทั้งเรือสปีดโบ้ท เรือใบ เจ็ทสกี คายัค แสตนอัพแพดดิ้ง เต็มไปหมด
และฤดูร้อนยังเป็นฤดูที่โรแมนติกที่สุดสำหรับที่นี่ เพราะเรามักจะเห็นคู่รักออกมานั่งพลอดรักกันตามมุมต่างๆของเมือง ชวนให้คนโสดอิจฉาไม่น้อย
ในที่สุดฉันก็เจอมุมโปรดในฤดูร้อน หลักเลิกงานเกือบทุกวัน ฉันจะออกมาวิ่งหรือปั่นจักรยานเลียบแม่น้ำไรน์มาตรงบริเวณใกล้ชายแดนสวิตเซอร์แลนด์ ปูเสื่อนอนอาบแดด อ่านหนังสือ จิบเบียร์ ก่อนจะลงไปแช่น้ำ ว่ายน้ำเล่นในแม่น้ำ บางวันก็เปลี่ยนบรรยากาศไปเล่นน้ำในทะเลสาบบ้างแต่ไม่จะบ่อยเท่าบริเวณนี้ เพราะจุดที่อนุญาตให้เล่นน้ำในทะเลสาบได้ค่อนข้างไกล อีกทั้งที่ตรงนี้ยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยมากอีกที่หนึ่ง ฉันจึงชอบบบริเวณนี้เป็นพิเศษ
เวลาหนึ่งปีผ่านไปไวเหมือนโกหก มีคนเคยกล่าวไว้ว่า เวลาแห่งความสุขผ่านไปเร็ว นั่นคงหมายความว่า ฉันมีความสุขกับการใช้ชีวิตและทำงานที่นี่พอสมควร ฉันจึงรู้สึกว่าเวลาผ่านไปไวมาก
ฉันเพิ่งเข้าใจเองว่า ฤดูกาลช่างมีบทบาทสำคัญในการดำเนินชีวิตและอารมณ์คววามรู้สึกมากแค่ไหน การเปลี่ยนผันของฤดูกาลสอนให้ฉันฝึกการปรับตัวไปกับธรรมชาติและวัฒนธรรม พอเริ่มปรับตัวได้ ก็เปลี่ยนเป็นความเคยชินคุ้นเคย และอาจจะกลายเป็นความผูกพันในที่สุด
เวลาหนึ่งปี คงไม่มาก แต่ก็ไม่น้อยเกินไปที่จะทำให้ฉันเริ่มผูกพันและรู้สึกรักบ้านใหม่หลังนี้…
หากอยากเปลี่ยนบรรยากาศจากเมืองใหญ่หรือเมืองท่องเที่ยวดังๆในยุโรป ลองแวะมาทายทักกันที่นี่ได้ แล้วจะพาไปเที่ยวเมืองบ้านใกล้เรือนเคียงรอบๆทะเลสาบโบเดนเซและแม่น้ำไรน์ให้ทั่ว
…โปรดติดตามตอนต่อไป…
ฝากติดตามเรื่องเล่าจากเมืองเบียร์ตอนอื่นๆด้วยค่ะ
เมืองน่าเที่ยวรอบทะเลสาบ Bodensee – เมือง Konstanz
เรื่องเล่าจากเมืองเบียร์ A year in Germany
เดินเล่นชมนกริมทะเลสาบ Bodensee – เมือง Kreuzlingen
3 thoughts on “เมืองน่าเที่ยวรอบทะเลสาบ Bodensee – เมือง KONSTANZ”