ฉันเป็นคนชอบเที่ยวตลาด…
เพราะตลาดเป็นสถานที่จะทำให้เราเข้าถึงวิถีชีวิตของชุมชนได้ดีที่สุด โดยเฉพาะตลาดเช้าในต่างจังหวัด
คนที่นั่นใช้ชีวิตอย่างไร ชอบทานอาหารอะไร ผลผลิตประจำท้องถิ่นคืออะไร ผู้คนมีมิตรไมตรีหรือไม่
มีคำตอบ…อยู่ในตลาด
เมื่อฉันได้ยินว่า เมืองเกิ่นเทอ มีตลาดนำ้ค้าส่งที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนาม
ฉันจึงไม่พลาดที่จะเพิ่มเมืองนี้เข้าไปเป็นจุดหมายปลายทางในการไปเยือนดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง
ความเดิมจากตอนที่แล้ว
https://talesfromthebackpackblog.wordpress.com/2015/05/22/ดินดอนสามเหลี่ยมแม่น้ำ/
หลังจากออกจากตัวเมืองหมีเทอในตอนบ่ายแก่ๆ เราก็มุ่งตรงไปยังเมืองเกิ่นเทอซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 100 กิโลเมตรและใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
เกิ่นเทอเป็นจังหวัดใหญ่ ในตัวเมืองมีโรงแรมหรือเกสเฮาส์ให้เลือกพักหลายระดับราคานับ 100 แห่ง ทั้งในเขตตัวเมืองหรือโซนท่าเรือเพื่อความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวตลาดน้ำ เดินเล่นในถนนคนเดิน และเที่ยววัดเขมรชื่อดังแต่เราเลือกที่จะไปพักที่กระท่อมริมน้ำ Nguyen Shack Homestay ซึ่งอยู่ห่างออกไปจากตัวเมืองถึง 5 กิโลเมตร แต่ด้วยบรยากาศอันเงียบสงบของกระท่อมไม้ไผ่ริมน้ำ ทำให้ฉันไม่ลังเลที่จะปลีกตัวไปสูดอากาศแถวนั้น เสียดายที่เราไปถึงกันตอนฟ้ามืดแล้ว เพราะคนขับรถหลงทาง เลยไม่มีเวลาเที่ยวเล่นบริเวณรอบๆอย่างที่ต้องการ แต่เราก็พอมีเวลาหย่อนใจในกระท่อมในเช้าวันถัดไป แล้วจะนำภาพบรรยากาศมาให้ชมตอนท้ายๆค่ะ
ขอแนะนำเกิ่นเทอกันสักนิด
จังหวัดเกิ่นเทอหรือคันโถ (Can Tho) เป็นเมืองใหญ่ศูนย์กลางการค้าขายและคมนาคมทางน้ำของสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง (Mekong Delta) 14 จังหวัดของเวียดนาม มีแม่น้ำสาขาของแม่น้ำโขงไหลผ่านก่อนที่จะไหลลงสู่ทะเล ปัจจุบันเป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังเพราะมีตลาดน้ำขนาดใหญ่ที่มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้ากันกลางแม่น้ำ นักท่องเที่ยวชาวตะวันตกยังนิยมเดินทางโดยเรือจากที่นี่ต่อไปยังกรุงพนมเปญประเทศกัมพูชาอีกด้วย
โดยตลาดน้ำที่เมืองเกิ่นเทอมี 2 ตลาดใหญ่ คือ ตลาดขายส่งกลางแม่น้ำชื่อว่า ตลาดไคราง (Cai Rang Floating Market) และตลาดฟงเตี๋ยน (Phoung Dien) ซึ่งเป็นตลาดน้ำเรือเล็กหรือเรือพายคล้ายๆตลาดน้ำดำเนินสะดวกหรือตลาดน้ำท่าคาของไทย ด้วยเวลาที่มีจำกัด เราจึงเลือกไปชมแค่ตลาดน้ำไคราง เพราะไม่เคยเห็นตลาดน้ำค้าส่งมาก่อน
ล่องเรือชมวิถีชีวิตและเที่ยวตลาดน้ำค้าส่งไคราง
ในเช้าวันที่สอง เราซื้อทัวร์จากที่พักเพื่อมาเที่ยวที่ตลาดน้ำไครางอันเลื่องชื่อ เนื่องจากกระท่อมที่พักของเราตั้งอยู่ริมคลองเล็กๆที่สามารถนั่งเรือออกไปยังแม่น้ำส่วนที่เป็นตลาดน้ำได้ ทางกระท่อมจึงมีบริการนำเที่ยวตลาดให้แก่ผู้เข้าพัก เราต้องตื่นตั้งแต่ตีห้า เพื่อทานอาหารเช้าง่ายๆ ก่อนจะลงเรือไปเที่ยวตลาดน้ำ พร้อมกับ Thunya, Phong และฝรั่งอีกสี่คน
เรือลำเล็กพาพวกเราล่องออกไปตามคลองเล็กๆอย่างช้าๆ อากาศยามเช้าช่างสดชื่น ชมวิถีชีวิตของชาวบ้านริมน้ำกันเพลินๆ ชาวปากแม่น้ำโขงมีความผูกพันและใกล้ชิดกับสายน้ำมาเป็นเวลานาน มีคนเล่าว่า ชาวบ้านที่ไม่มีที่ดินก็จะมาสร้างบ้านอยู่ริมน้ำแบบนี้ เพราะไม่ต้องเสียภาษีให้กับรัฐบาล
บริเวณดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงมีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 1 ล้านกว่าคน แต่ก็ยังมีอีกจำนวนไม่น้อยที่มีบ้านเป็นเรือ มีเรือเป็นบ้าน อยู่ในแม่น้ำและไม่ได้จดทะเบียนรัฐบาล หรือไม่มีเลขทะเบียนบ้านนั่นเอง
ไม่นานนัก เรือก็นำเราออกมาจากคลองเล็กๆสู่กลางแม่น้ำอันกว้างใหญ่ เมื่อลอดใต้สะพานในเขตเมืองเกิ่นเทอ เราก็เข้าสู่บริเวณตลาดน้ำไคราง เห็นเรือสินค้าทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่
ตลาดน้ำไคราง (Cai Rang Floating Market) เป็นตลาดน้ำค้าส่งที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนาม แต่ละวันมีเรือมาซือขายสินค้าทางการเกษตรมากกว่า 500 ลำ ที่นี่เป็นตลาดน้ำที่มีการซื้อขายกันจริงจัง โดยมีกิจกรรมการค้าขายทุกวันตั้งแต่ 5-9 โมงเช้า
สำหรับฉันตลาดน้ำไคราง เท่ห่ๆดิบๆและคึกคักมาก สินค้าส่วนใหญ่จะเป็นผักและผลไม้ สีสันของตลาดจึงเปลี่ยนไปตามฤดูกาลของผักและผลไม้ ที่นี่มีเรือลำใหญ่จำนวนมาก เรือใหญ่นี้จะเป็นผู้ค้าส่ง ส่วนใหญ่เรือแต่ละลำจะมีสินค้าเพียงหนึ่งประเภท ช่วงที่เราไปเป็นฤดูของแตงโมและฟักทอง เราจึงได้เห็นสีสันเขียวๆเหลืองๆเต็มแม่น้ำเลยค่ะ
เรือใหญ่ส่วนใหญ่ทำหน้าที่เป็นผู้ค้า และมีเรือลำเล็กทำหน้าที่เป็นผู้ซื้อ โดยเรือเล็กเหล่านั้นจะเข้าไปจอดขนาบข้างกับเรือใหญ่เพื่อซื้อสินค้าและนำไปขายต่อยังตลาดบกหรือในหมู่บ้าน กิจกรรมชีวิตบนเรือใหญ่ก็จะมีทั้งการตัดแต่งผักผลไม้ ชั่งน้ำหนักสินค้า และเตรียมจัดใส่ถุง
เรือลำไหนขายอะไร ก็จะนำสินค้าตัวอย่างมาแขวนไว้ที่ปลายไม้ตรงหัวเรือ ให้ลูกค้าได้มองเห็นง่ายๆมาจากไกลๆ เป็นภูมิปัญญาชาวบ้านแม่น้ำโขงโดยแท้
เรือโบราณแบบดั้งเดิมในแม่น้ำโขง จะมีการทาสีหัวเรือเป็นรูปดวงตาสองดวง (dragon Eyes) เป็นตามังกรหรือพญานาค เป็นการข่มขวัญและสร้างความหวดกลัวให้กับสิ่งมีชีวิตในแม่น้ำ เพื่อบ่งบอกว่ากำลังมีมังกรหรือพญานาคเคลื่อนที่มา จนกลายเป็นสัญลักษรืของเรือที่นี่เลยค่ะ
มาชมบรรยากาศฝั่งผู้ซื้อเรือเล็กกันบ้างนะคะ เรือเล็กที่นี่มีทั้งเรือยนต์ขนาดเล็ก เรือพายก็มีทั้งนั่งพายและยืนพายกันเลย คนพายหรือคนขับเรือก็มีทั้งผู้ชายและผู้หญิง อย่างที่เคยบอกไปแล้วว่า ผู้หญิงเวียดนามนี่แกร่งและทำงานหนักมาก
กิจกรรมค้าขายที่น่าสนใจอีกอย่างของที่นี่ นั่นคือ จะมีเรือขายสินค้าขนาดเล็กที่จะทำหน้าที่ขายอาหารและเครื่องดื่มให้กับพ่อค้าแม่ค้าบนเรือใหญ่ นักจ่ายตลาดบนเรือเล็ก และนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวชมตลาดค่ะ อาหารที่นี่ก็มีความหลากหลายไม่แพ้บนบกเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นเฝอ เนื้อย่าง ขนมโบราณ ขนมขบเคี้ยว ผลไม้ และเครื่องดื่ม ชา กาแฟ น้ำอัดลม ที่เรืออาหารเหล่านี้จะลัดเลาะเข้าไปให้บริการชาวเรือกันถึงเรือเลยทีเดียว
บรรยากาศการซื้อขายเป็นไปอย่างคึกคัก เรือนักท่องเที่ยวอย่างเราก็ได้แค่เป็นผู้สังเกตการณ์อยู่ไกลๆ อาจจะมีบางลำที่ขอให้คนขับพาเข้าไปใกล้ๆ ถึงแม้ที่นี่จะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของเมืองเกิ่นเทอ แต่เรือนักท่องเที่ยวก็ยังไม่เยอะเท่าเรือที่มาทำการซื้อขายกันจริงๆ เลยทำให้วิถีชีวิตของชาวเรือที่นี่ยังไม่ถูกกระทบจากการท่องเที่ยวมากนัก
และสิ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กิจกกรมการค้าขายในตลาดน้ำแห่งนี้ ฉันสนใจวิถีชีวิตบนเรือของชาวเรือที่นี่เป็นพิเศษเลยค่ะ คนที่นี่ “มีบ้านเป็นเรือ มีเรือเป็นบ้าน” โดยเฉพาะในเรือลำใหญ่ เพราะจะได้เห็นว่าเขาใช้ชีวิตอยู่บนเรือกันจริงๆจังๆ บนเรือจึงมีหน้าบ้านที่เป็นร้านขายของ ด้านในตัวบ้านเป็นที่พักผ่อนและห้องนอน บางบ้านยังมีดาดฟ้าเอาไว้ผูกเปลนอนกลางวันหรือเป็นห้องรับประทานอาหาร ด้านหลังมีห้องครัวและลานซักผ้าตากผ้า บางบ้านยังมีสัตว์เลี้ยงอีกด้วยนะคะ เห็นแล้วก็อยากไปลองใช้ชีวิตแบบชาวเรือที่นี่ดูสักวันสองวัน น่าจะมีจัดบริการเรือสเตย์เป็นการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่นะ
หลังจากชมวิถีชีวิตและบรรยากาศการซื้อขายในตลาดน้ำไครางกันจนอิ่มแล้ว Thanya ก็บอกพวกเราว่าจะพาไปเที่ยวตลาดบกกันบ้าง ที่เมืองเกิ่นเทอมีตลาดบนบกขนาดใหญ่หลายที่เลยค่ะ แต่ที่โด่งดังและเป้นที่นิยมสำหรับนักท่องเที่ยวมากที่สุดก็คือตลาด CHO AN BINH เรานั่งรเือผ่านตลาดแห่งนี้มาแล้ว แต่ Thanya บอกว่าจะพาไปอีกที่หนึ่งซึ่งฉันฟังไม่ทันว่าชื่ออะไร แต่ก็ไม่ขัดใจอะไรเพราะ Thanya บอกว่าตลาดที่เรากำลังจะไปยังมีความเป็นดั้งเดิมหรือ original อยู่มาก ยังไม่มีนักท่องเที่ยว และจะทำให้เราได้เห็นบรรยากาศของตลาดและวิถีชีวิตของชาวบ้านได้มากขึ้น
เมื่อเรือมาจอดตรงท่าน้ำเล็กๆใกล้ๆตลาดแห่งหนึ่ง พวกเราทยอยกันขึ้นจากเรือแล้วเดินตาม Thunya ไปตามถนนเล็กๆ ที่มีบ้านเรือนเรียงรายอยู่สองข้างทาง บ้านเรือนส่วนใหญ่จะแปลงโฉมด้านหน้าเป็นร้านขายของ คล้ายๆตลาดในต่างจังหวัด แต่ขนาดของตลาดที่นี่มีขนาดใหญ่ระดับจังหวัดใหญ่ๆของบ้านเราเลยค่ะ สินค้าที่ขายในตลาดก็มีความหลากหลายมาก โดยช่วงต้นๆของทางเข้าตลาดส่วนใหญ่จะเป็นร้านกาแฟและร้านอาหารค่ะ
บางบ้านอาจจะไม่ได้เป็นร้านขายของหรือขายอาหาร ก็จะนำโต๊ะมาขายสินค้าหรือให้เช่าหน้าบ้านค่ะ พวกผลไม้หรือขนมมีเลือกมากมายเลยค่ะ
หมูกรอบก็ดูน่าทานดี แต่เมื่อวางโล่งข้างถนนบนกระดาษหนังสือพิมพ์แบบนี้ อาจจะรับรองความอร่อย แต่ไม่รับรองความสะอาดและความปลอดภัยทางอาหารนะคะ
สุดปลายถนน เราจะเห็นอาคารเปิดโล่งแต่มีหลังคาหลังใหญ่ตระหงานอยู่ แต่พวกเรายังขขอเดินชมร้านค้าเล็กๆด้านนอกดูก่อนที่จะเข้าไปด้านใน บริเวณด้านนอกนี้มีพ่อค้าแม่ค้าเอาถาดใส่สินค้ามาวางขายกันบนพื้นบ้างบนเก้าอี้เตี้ยๆเบ้าง ไปดูกันดีกว่าค่ะว่าที่นี่มีอะไรน่าสนใจบ้าง
บรรยากาศรอบๆตลาด การค้าขายแบบติดดิน
เต้าหู้ทอด ราดหน้าด้วยกระเทียมเจียว
มะม่วงกับพริกเกลือ เปรี้ยวปากเลย
หอยขมก็มีค่ะ
แม่ค้าขายผัก ผักสดๆน่าทานมาก
ดอกซูกินี่น่าทานมากเลย
ปลาเค็ม ปลา/ปลาหมึกตากแห้ง กุ้งแห้ง
ขนมคล้ายๆปาท่องโก๋หรือแป้งทอดคล้ายๆบ้านเรา แต่เคลือบน้ำตาลหนาๆเลยค่ะ Thanya บอกว่าเธอชอบขนมนี้มาก เลยซื้อมาให้พวกเราชิมคนละชิ้น
ต้นอ่อนกับรอยยิ้มหวานๆของแม่ค้า
ฉันเอาแครอทมาฝาก อยากให้คุณช่วยกิน เพิ่งถอนกันมาสดๆเลย น่าทานมาก
ปลีกล้วยและผักที่ฝานแล้ว สำหรับทานกับขนมจีนหรือทานแกล้มเฝอ (จริงๆนะ)
ชาวเวียดนามรุ่นเก่าๆยังนิยมทานหมากกันมากอยู่เหมือนกันค่ะ ลูกหมากสดๆเลย
ปลีกล้วยสดๆน่าทาน ฉันชอบทานแบบลวกกะทิแกล้มน้ำพริกกะปิ หรือยำปลีกล้วยก็อร่อยดี
พ่อค้าขายผัก
พ่อค้าขนมปังทานเฝอเป็นอาหารเช้าไปด้วย
ขนมนี้ก็น่าทานดีค่ะ ทำในหลุมคล้ายขนมครก แต่แป้งจะกรอบและโรยหน้าาด้วยถั่วที่มีกะทิ
รากบัวค่ะ ทำต้มซุปกระดูกหมูหรือนำไปผัดฮ่องเต้ก็อร่อยดีค่ะ
มันหัวใหญ่ น่าเอาไปปิ้งทานมาก
ข้าวต้มมัดเวียดนาม ขนาดใหญ่อลังการมากค่ะ ใส้ด้านในจะเป็นมัน ไม่ใช่ใส้กล้วยแบบข้าวต้มมัดของไทย
มะละกอหมัก คล้ายๆการทำปลาร้าค่ะ เขาบอกว่านำไปทำอาหารได้ทั้งน้ำและเนื้อเลย
เมื่อเดินชมบรรยากาศรอบๆจนอิ่มตาแล้ว เราก็เดินเข้าไปในตัวอาคารหลังใหญ่ของตลาด ส่วนใหญ่จะขายพวกเนื้อสัตว์ ปลาสดๆที่ยังแหวกว่ายอยู่ในถังน้ำ กุ้ง หอย ปลาหมึก หมู ไก่ เนื้อ หรือแม้กระทั่งกบและหนูนา ต้องขอบอกว่าการเดินชมตลาดที่ขายของสดแบบนี้อาจจะทรมานจิตใจของคนทานมังสวิรัตแบบ Thanya หรือแม้แต่คนที่ชอบทานเนื้อทุกประเภทแบบฉัน เพราะบางทีเราจะได้เห็นภาพการทรมานสัตว์อย่างไม่ทันตั้งตัวก็ได้
แม่ค้ากำลังขูดขนขาหมู บรรยากาศสดจากตลาดเลยค่า
ชาวเวียดนามชอบทานไก่ดำเหมือนคนจีนค่ะ
ปูนาค่ะ ถ้าเป็นบ้านเราคงเอาไปตำส้มตำ (เปรี้ยวปากเลย) แต่ที่เวียดนามจะนิยมทำอาการคล้ายๆหลน
ปูม้า ปูทะเลก็มี
เมื่อเดินออกจากตัวอาคารของตลาด เราก็เดินอ้อมไปบนถนนข้างตลาดอีกด้านหนึ่ง ฝั่งนี้จะเป็นบ้านเรือนที่แปลงเป็นร้านขายของชำหลายร้าน บางบ้านก็มีแผงขายของด้านหน้า ขายหมูขายเนื้อ ขายไข่บ้าง ขายผักบ้าง ขายลอตเตอรี่บ้าง ขายข้าวสารบ้าง เดินชมกันได้เพลินๆเลยค่ะ
บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในห่อกระดาษ อาจไม่ปลอดภัยอย่างที่คิดนะคะ
หมูกรอบวางในถาดแบบนี้ ดีกว่าวางบนกระดาษหนังสือพิมพ์หน่อย
ไม่แน่ใจว่าระหว่างคนไทยกับคนเวียดนาม ชาติใดจะชอบเสี่ยงโชคมากกว่ากันนะคะ
ขนุนลูกใหญ่มากค่ะ
บริเวณดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงเป็นแหล่งปลูกข้าวที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก จึงมีข้าวให้เลือกหลานชนิดหลายพันธุ์เลยค่ะ
เมื่อเดินมาถึงร้านขายไข่ Thanya หยิบ “ไข่เยี่ยวม้า” มาอธิบายให้ฝรั่งอีกสี่คนฟัง พร้อมบอกว่ารสชาตแปลกประหลาดเพียงใด ในขณะที่ฉันคิดในใจ “อร่อยมาก ของโปรดเลย”
เราเดินเที่ยวกันทั่วตลาด ในขณะที่ Thanya ก็ได้ซื้อของกลับไปโฮมสเตย์ตามรายการที่เธอต้องการ ส่วนใหญ่เนื้อและผักผลไม้ที่มีบริการในโฮมสเตย์ก็มาจากตลาดแห่งนี้ล่ะค่ะ ประมาณเกือบ 8 โมงเช้า เราก็เดินกลับไปขึ้นเรือตามเส้นทางเดิมที่เดินมา เพื่อกลับไปยังที่พัก
สาวเวียดนามมาซื้อผักที่ตลาด ตะกร้าเก๋ไก๋ดีนะคะ
ก่อนจะถึงท่าเรือ หันไปเห็นคุณป้ากำลังนั่งปักผ้าผืนใหญ่อยู่ในบ้าน คล้ายๆการปักครอสติช
ตอนกลับมาขึ้นเรือ ในคาเฟ่ตรงท่าเรือมีคนมานั่งชิลล์จิบกาแฟยามเช้าเกือบเต็มร้านเลย
สำหรับเพื่อนๆที่สนใจมาเที่ยวตลาดน้ำไครางและตลาดบกริมน้ำ และพักที่ในตัวเมืองไครางหรือบริเวณริมน้ำ (ไม่ได้พักที่ Nguyen Shack ) สามารถเหมาเรือเที่ยวได้ที่ท่าเรือ Ninh Rieu ค่ะ โดยที่นี่จะมีทั้งเรือรวม (นั่งรวมกับนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่น ดังภาพด้านล่าง) จะมีค่าบริการอยู่ที่ประมาณ 50,000 ด่องต่อคน หรือสามารถเหมาเรือส่วนตัวได้ในราคาประมาณ 200,000 ด่องต่อลำ (นั่งได้ประมาณ 6-7 คน)
หลังกลับมาจากเที่ยวตลาดน้ำและตลาดบกในไคราง เราก็นั่งเรือกลับมาที่ที่พัก Nguyen Shack เป็นโฮมสเตย์อีกที่หนึ่งที่ฉันประทับใจและอยากกลับไปเยือนอีกครั้ง เรียกได้ว่าหลงรักที่นี่ตั้งแต่แรกพบจากภาพในเว็บไซต์ และยิ่งรักถลำลึกเมื่อได้มาเจอบรรยากาศสวยๆกับตาและสัมผัสมิตรภาพจากพนักงานที่นี่ ดังนั้นจะไม่ให้พูดถึงที่นี่เลยก็คงไม่ได้ น่าเสียดายที่เรามีเวลาพักผ่อนที่นี่ได้ไม่นานเหมือนคนอื่น (ฝรั่งบางคนอยู่ที่นี่กันเป็นสัปดาห์ หรือแม้แต่ Thanya เธอเคยมาที่นี่ในฐานะนักท่องเที่ยว แล้วติดใจจนขอมาทำงานที่นี่ได้สองเดือนแล้ว)
Nguyen Shack เป็นที่พักขนาดเล็ก บ้านพักจะเป็นกระท่อมไม้ไผ่ โดยมีอยู่ 3 แห่งในเวียดนาม ได้แก่ เมืองเกิ่นเทอ (แม่โขงเดลต้า) เมือง Da Lat และเมือง Ninh Binh ที่เมืองเกิ่นเทอมีจำนวนห้องพักเพียง 5 ห้องค่ะ ทุกห้องจะตั้งอยู่ริมน้ำ มีระเบียงหรือสามารถมองเห็นแม่น้ำได้ชัดเจน
บริเวณส่วนกลาง มีห้องอาหารและอาหารเช้าบริการ มีที่นั่งอ่านหนังสือหรือนั่งพักผ่อนริมน้ำ
นอกจาก Thanya แล้วที่นี่ยังมีหนุ่มเวียดนามหนึ่งคนนามว่า ฟง (Phong) ที่เป็นทั้งคนขับเรือ เสริ์ฟอาหารและคอยบริการลูกค้า ฟงช่างพูดช่างคุย ถึงแม้จะคุยกันรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง แต่เขารวยรอยยิ้มและมีใจรักบริการ ส่วนพนักงานสาวชาวเวียดจะทำหน้าที่เป็นแม่ครัวและแม่บ้าน เธอจะไม่ค่อยออกมาพบปะกับแขก อาจเป็นเพราะภาษาที่เป็นอุปสรรค แต่เธอก็ส่งยิ้มมาให้เสมอ นอกจากนี้ ยังมีหมาน้อยน่ารักสองตัว ชื่อ ชาร์ลี และคุกกี้
ฟง หนุ่มช่างพูดช่างคุย ชอบแวะมาพูดคุยกับสองสาวชาวไทยบ่อยๆ จนเราถกเถียงกันว่า ฟงต้องแอบถูกใจใครคนใดคนหนึ่งเป็นแน่ แล้วเราก็ได้คำตอบ เมื่อฟงถามฉันว่า
Phong: No wedding ring? (พร้อมชี้ไปที่นิ้วนางข้างซ้ายของฉัน)
Me: No, I am still single.
Phong: I am single too (พร้อมยิ้มกว้าง)
เจ้าชาร์ลีน้อยชอบออดอ้อนแขก
บรรยากาศรอบๆที่พักก็ร่มรื่นมากคะ มีเปลผูกไว้ให้นั่งเล่น มีจักรยานให้เช่าไปปั่นในสวนและหมู่บ้านใกล้ๆ มีผักสวนครัวรั้วกินได้ และมีเล้าหมู ที่ไม่แน่ใจว่าเนื้อหมูทอดที่เราทานไปมาจากเล้านี้ด้วยหรือเปล่า
เจ้าหมูน้อยน่ารักมากมาย หวังว่าเตจ้าคงไม่ถูกนำไปทำอาหารนะ
ถึงเวลาที่เรานัดคนขับรถให้มารับเพื่อนั่งรถกลับไปยังสนามบินโฮจิมินห์ เราบอกลากระท่อมน้อยไปด้วยความอาวร มีโอกาสคงได้กลับมาใหม่ ฟงช่วยยกกระเป๋าขึ้นรถ พร้อมขอถ่ายภาพคู่กับพวกเราเป็นที่ระลึก แถมยังโอบแบบใกล้ชิดเสียด้วย
ถึงแม้ทริปนี้จะเป็นทริปสั้นๆ แต่เป็นอีกเส้นทางหนึ่งที่ฉันประทับใจมาก วิถีชีวิตริมน้ำ กระท่อมน้อย และตลาดนำไคราง จะคงอยู่ในความทรงจำ จนกว่าจะพบกันใหม่
หากเพื่อนๆสนใจที่พัก Nguyen Shack Homestay สามารถจองได้จาก Agoda, Booking.com หรือจากเว็บไซต์โดยตรงค่ะ