วันที่สามในซาปา พวกเรามีเวลาเที่ยวเล่นเพียงครึ่งวัน เพราะต้องเดินทางกลับไปฮานอยในตอนบ่าย พวกเราเลยไม่ได้มีแผนอะไรมากมาย อยากชิลล์ๆพักผ่อน เพียงพอกับการเดินทางแบบลุยๆเทรคกิ้ง 13 กิโลม้งแบบเมื่อวาน จุ๊อยากลองไปในที่ๆไม่เคยไปมาก่อน การเดินทางสู่หมู่บ้าน Ta Van ละน้ำตกซิลเวอร์อันโด่งดังจึงไม่ได้อยู่ในหัวเลย เมื่อแลมไกด์สาวสุดฮาของพวกเราเสนอทริปจุดชมวิวสุดยอดแห่งซาปา ที่เธอโฆษณาหนักหนาว่าจะเห็นซาปาในมุมสูงที่สวยที่สุด พวกเราใจอ่อนซื้อทัวร์แบบครึ่งวันไปยอดเขา Sau Chua กับแลม ไม่ได้ตั้งความหวังกับสถานที่ที่จะไปเท่าใดนัก แค่อยากเปลี่ยนบรรยากาศและไปสนุกกับแลมอีกครั้งหนึ่ง แลมมารับพวกเราที่โรงแรมตอน 9 โมงเช้าตามเวลานัดหมาย เช้าวันนี้ที่จตุรัสซาปาบรรยากาศคึกคัก มีคนมาเล่นวอลเล่บอล หญิงสาวชาวม้งก็ออกมาขายของกันตั้งแต่เช้า
รถตู้ส่วนตัวของพวกเรามุ่งหน้าออกจากตัวเมืองซาปา สักพักก็เลี้ยวขวาเข้าถนนสายเล็กๆที่ค่อยๆไต่ขึ้นเขาและคดเคี้ยวมากขึ้นเรื่อยๆ วิวหมู่บ้านจากมุมสูงน่าจะทำให้พวกเราตื่นตาตื่นใจมากกว่านี้ ถ้าหมอกหนาไม่บดบังวิวหน้าต่างจนแทบจะมองอะไรไม่เห็น ถึงแม้จุ๊จะเริ่มหมดหวังกับวิวสวยๆที่รออยู่บนยอดเขา แต่การพูดคุยสนุกสนานเฮฮากันกับแลมและเพื่อนสาว ก็ทำให้ความหงุดหงิดใจเรื่องอากาศไม่เป็นใจเบาบางลง
แลมคงกลัวพวกเราจะเสียใจที่อาจจะไม่เห็นวิวสวยๆดังที่หวัง เลยเสนอว่าจะพาไปเยี่ยมบ้านเพื่อนของเธอซึ่งอยู่ระหว่างทางขึ้นเขา พวกเราจะได้ไปเห็นิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของชาวม้งอย่างใกล้ชิด โอกาสดีๆมาถึงแบบนี้ มีหรือที่คนอย่างจุ๊จะปฏิเสธ เกิดมายังไม่เคยเข้าไปชมชาวบ้านม้งถึงด้านในเลยสักที แลมพาพวกเราลงจากรถ แล้วเดินย่ำโคลนไปตามทางเล็กๆจนถึงบ้านไม้หลังเล็กที่ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังของโงเรียนประจำหมู่บ้าน เด็กน้อยตัวเล็กสองคนกำลังวิ่งเล่นอยู่ในบริเวณบ้าน แลมส่งเสียงทักทายเด็กน้อยด้วยภาษาที่พวกเราฟังไม่ออก เด็กน้อยทั้งสองทำหน้าสงสัยก่อนที่จะวิ่งปรู๊ดเข้าไปในบ้าน
พวกเราเดินตามแลมเข้าไปในบ้าน ภายในบ้านมืดเพราะไม่มีแสงจากหลอดไฟฟ้าที่คุ้นเคย แต่กองไฟที่สุมอยู่กลางบ้านก็สว่างพอที่จะเห็นรอยยิ้มต้อนรับของเจ้าของบ้าน แลมทักทายและเริ่มบทสนทนากับเจ้าของบ้าน พวกเราได้แต่นั่งฟังและอมยิ้มเพราะฟังไม่รู้เรื่อง คุณลุงเจ้าของบ้านนั่งสูบยา คุณป้าและพี่สาว(หรือน้องสาว ไม่แน่ใจ)นั่งเย็บผ้า บรรยากาศรอบกองไฟดูอบอุ่น
แลมพูดคุยถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกับเจ้าบ้าน พวกเราฟังไม่รู้เรื่องแต่ก็รู้สึกอบอุ่นใจไปด้วย และถือโอกาสนั่งผิงไฟคลายหนาว
แลมเล่าให้ฟังว่า คุณป้าและคุณพี่นั่งเย็บชุดใหม่สำหรับใส่ฉลองวันปีใหม่ในปีหน้า ชาวม้งจะตัดเย็บชุดใหม่ทุกปี ชุดนึงใช้เวลาเย็บมือกันเป็นปีๆเลยค่ะ จุ๊นั่งมองเข็มร้อยด้ายที่ปักลงปักลงบนผ้าย้อมอย่างพิถีพิถัน สัมผัสได้ถึงความตั้งใจ อดทน และมุ่งมั่นของสาวชาวม้งในทุกฝีด้าย กว่าจะได้ผ้าปักสวยๆผืนหนึ่ง เพราะอย่างนี้ ผ้าทอมือทั้งหลายจึงมีราคาค่อนข้างแพง ต้องให้รางวัลความอดทน ถึงแม้จะเป็นงานยากแต่สองสาวชาวม้งก็ตั้งใจทำด้วยความสุขค่ะ
สักพักใหญ่ แลมขออนุญาตเจ้าของบ้านพาพวกเราเดินชมภายในตัวบ้าน บ้านหลังนี้มีขนาดไม่ใหญ่เลยสำหรับการอาศัยอยู่ร่วมกันเกือบสิบชีวิต ด้านหลังบ้านเป็นทั้งครัวและบริเวณซักล้าง ห้องนอนเล็กๆที่ไม่มีผ้าห่มและมุ้ง ชั้นลอยเป็นที่เก็บของและเป็นที่นอนของคุณลุง พื้นที่ส่วนใหญ่ของบ้านเป็นลานเอนกประสงค์ของครอบครัว ตัวบ้านมืดเพราะไฟฟ้ามีใช้ในปริมาณที่จำกัด โทรทัศน์รุ่นเก่าเครื่องเล็กน่าจะเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าทันสมัยสิ่งเดียวของครอบครัว
แลมบอกพวกเราว่า ครอบครัวนี้นับว่าเป็นครอบครัวใหญ่และมีฐานะครอบครัวหนึ่งของหมู่บ้านนี้ หลังบอกลาเจ้าของบ้าน จุ๊หันมาพูดกับเพื่อนสาวว่า “ชีวิตพวกเค้าเรียบง่ายดีเน๊าะ” เพื่อนสาวจุ๊ก็พูดเสริมมาว่า “บางทีพวกเขาอาจจะมีความสุขกว่าพวกเราก็ได้นะ” อืม จริง ความสุขง่ายๆ แค่มีชีวิตง่ายๆ หลังจากนั้น พวกเราก็เดินทางต่อ รถตู้พาพวกเราฝ่าหมอกขึ้นไปยังยอดเขา Sau Chua วิวหมู่บ้านและนาขั้นบันไดสวยมากืแต่ก็ยากเกินกว่าจะเก็บภาพสวยๆมาฝากได้ เพราะหมอกหนาเหลือเกิน
เมื่อมาถึงหมู่บ้านบนยอดเขา Sau Chua แลมพาพวกเราออกเดินไปตามถนนเล็กๆริมเขา ผ่านหมู่บ้านไปยังจุดชมวิวพาโนรามาที่แลมคุยนักคุยหนาว่าเป็นสุดยอดจุดชมวิวแห่งซาปา
เมื่อเดินมาได้ประมาณเกือบ 2 กม. พวกเราก็ได้เจอจุดชมวิวโล่งกว้างริมเขาแบบพาโนรามา 180องศาแบบที่แลมอวดไว้ พร้อมศาลาไม้ไผ่แบบ executive มากๆให้ด้วย
วิวตรงนี้สวยสมคำร่ำลือจริงๆค่ะ สามารถมองเห็นหมู่บ้านและนาขั้นบันไดเบื้องล่างได้ชัดแจ๋ว หากท้องฟ้าจะเป็นใจและหมอกไม่ลงจัดแบบนี้ หากนาขั้นบันไดข้างล่างจะเขียวชอุ่ม จุ๊พยายามจะส่องวิวด้านล่างผ่านเลนส์ทะลุหมอกแต่ก็ไม่ง่ายเลยทีเดียว แม้แต่ยอดเขาฟานซิปันอันยิ่งใหญ่ ยังเอียงอายหลบซ่อนอยู่ภายใต้สายหมอก ถึงแม้เราจะไม่ได้ชมวิวสวยๆแบบเต็มๆตา แต่การได้นั่งพักชิลล์ๆ พูดคุยกับเพื่อนสนิทและคนที่เราถูกใจ ก็ทำให้มีความสุขได้ไม่น้อย
ณ จุดชมวิวนี้ เราสามารถชมวิวด้านล่างได้สองหมู่บ้านเลยค่ะ ฝั่งซ้ายมือจะเป็นวิวนาขั้นบันไดที่ลดหลั่นกันอย่างสวยงามของหมู่บ้าน Ta Van ที่โด่งดัง
ส่วนวิวด้านขวามือจะเป็นลำธารที่มีชื่อว่า Flower river ที่ไหลผ่านหมู่บ้าน Lao Chai นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักจะซื้อแพคเกจแบบ One day trip มาเทรคกิ้งที่หมู่บ้าน Lao Chai – Ta Van แต่ครั้งนี้จุ๊ขอบอกผ่านไป เพราะเคยไปเยือนมาแล้วเมื่อหลายปีก่อน และวันนี้เพื่อนสาวจุ๊ขอร้องไว้ว่าขอเป็นครึ่งวันแบบชิลล์ๆ อีกอย่าง ได้ยินมาว่าตอนนี้ที่นั่นมีนักท่องเที่ยวหนาแน่นยิ่งกว่าหมู่บ้านกั๊ตกั๊ตเสียอีก แต่หากเพื่อนๆมีเวลาที่ซาปาหลายวันก็ลองแวะไปเที่ยวชมได้นะคะ
ขณะที่นั่งชมวิวอยู่กับแลม จุ๊บอกเธอว่า ปีหน้าจะกลับมาใหม่เพื่อจะไปพิชิตยอดเขาฟานซิปันหลังคาแห่งอินโดจีน เมื่อเธอบอกว่าเธอเคยพิชิตมาแล้ว จุ๊เลยบอกว่า ถ้าอย่างนั้น้ธอก็พาฉันไปนะปีหน้า เธอรีบส่ายหน้า ” You are crazy, I wont go I will wait with your friend at homestay” เธอรับปากแค่จะพาจุ๊ไปพักที่โฮมสเตย์ ส่วนฟานซิปันจุ๊ต้องไปพิชิตเอาเอง ขู่แบบนี้ ทั้งกลัวทั้งท้าทาย เพราะขนาดสาวม้งยังไม่อยากปีนขึ้นไปบ่อยๆเลย เมื่อชมวิวหลังม่านหมอกกันจนอิ่ม พวกเราก็เดินกลับมาที่หมู่บ้านที่รถตู้จอดรออยู่ ที่นี่มีร้านค้าเล็กๆที่มีโต๊ะนั่งชมวิวด้านนอก เหมาะกับการนั่งจิบกาแฟยิ่งนัก
ขณะที่กำลังจิบกาแฟเวียดรสเข้มข้น เด็กๆชาวเขาแถวนั้นก็มาป้วนเปี้ยนเพื่อจะขายของที่ระลึก เห็นสายตาซื่อๆก็อดไม่ได้ที่จะอุดหนุนสร้อยข้อมือจากเด็กๆคนละเส้นสองเส้นไม่ได้
พวกเราบอกลา Sau Chua เพื่อจะกลับไปยังตัวเมืองซาปา เมื่อถึงซาปา พวกเรากอดลาแลม สัญญาว่าจะกลับมาเจอกันอีกปีหน้าเพื่อฟานซิปัน แล้วก็มองหาร้านอาหารสำหรับอาหารเที่ยง
หลังมื้อเที่ยงก็หาซื้อโปสการ์ด หาคาเฟ่นั่งเขียนโปสการ์ด ก่อนจะเดินไปส่งที่ไปรษณีย์ประจำเมืองซาปา หลังภารกิจเรียบร้อย ก็กลับมานวดเท้ากันที่ร้านเดิมอีกครั้ง
เมื่อถึงเวลา check out พวกเราก็กลับไปเก็บกระเป๋าและบอกลาพนักงานที่โรงแรม ก่อนจะเดินไปขึ้นรถบัสกลับเมืองฮานอย รายละเอียดการเดินทางกลับฮานอยและข้อมูลการเดินทางอื่นๆได้จากลงค์ข้างล่างนะคะ
เที่ยวไปตามใจฉัน…5 วันการเดินทางสู่ซาปาเมืองในหมอก
การเดินทางสู่ซาปาเมืองในหมอกครั้งนี้ เป็นทริปที่ไม่ได้วางแผนล่วงหน้า เป็นทริปที่มาแบบไม่ได้ตั้งใจ แต่ไม่ว่าจะอย่างไร การเดินทางก็นำมาซึ่งประสบการณ์ใหม่ๆให้บันทึกไว้ในความทรงจำได้เสมอ
สำหรับเการเดินทางในฮานอยและซาปาก่อนหน้า
การเดินทางหนึ่งวันในฮานอยค่ะ
เที่ยวไปตามใจฉัน ตอนที่ 1…เมื่อฮานอยฝนตกทั้งวันไปไหนดี
การเดินทางวันแรกในซาปา
เที่ยวไปตามใจฉัน ตอนที่ 2 ซาปาเมืองในหมอก
และการเทรคกิ้งสุดมันส์
เที่ยวไปตามใจฉัน ตอนที่ 3…เทรคกิ้ง 13 กิโลม้ง หมู่บ้าน Ma Tra – Ta Phin
แนะนำเพิ่มเติมสำหรับร้านอาหารในซาปาค่ะ
The Hill Station ร้านอาร์ต บรรยากาศดี อาหารเลิศ เหมาะสำหรับคนรักงานศิลปะค่ะ
Good Morning Vietnam ร้านเล็กๆ ราคาไม่แพง บรรยากาศเป็นกันเอง แนะนำเมนู Bun Cha อาหารพื้นเมือง
See you again next trip นะคะ