กุมภาพันธ์…เดือนสีชมพู
เดือนที่ใครหลายคนเฝ้าคอยเวลาเพื่อไปชื่นชมนางพญาเสือโคร่งหรือซากุระเมืองไทยออกดอกสีชมพูบานสะพรั่ง
สถานที่ๆเป็นที่นิยมสำหรับดอกนางพญาเสือโคร่ง ก็คงหนีไม่พ้นดอยดังๆ อย่าง ขุนช่างเคี่ยน ขุนวาง หรือภูลมโล
จุ๊เดินทางไปเชียงใหม่ปลายเดือนธันวาคมค่ะ ไม่ได้แพลนไว้ว่าจะแวะไปชมนางพญาสีชมพูที่ดอยไหน (แต่ก็คอยเงี่ยหูฟังตลอด
หากได้ยินข่าวว่าดอยไหนที่นางพญาออกดอกโชว์ก่อนกำหนด ก็พร้อมจะไปชมทันที)
ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์กล้วยไม้รองเท้านารีอินทนนท์ บ้านขุนกลาง…ไม่เคยได้ยินชื่อสถานที่นี้มาก่อน
แล้วเราไปโผล่ที่นี่ได้อย่างไรกัน
ความเดิมจากตอนที่แล้ว
ดอยอินทนนท์…เส้นทางความสุขที่ไปสัมผัสได้ง่ายๆ ตอนที่ 1 เส้นทางธรรมชาติกิ่วแม่ปาน
จุ๊และน้องสาวเดินทางไปสัมผัสความหนาวกันแบบกระทันหันที่ดอยอินทนนท์
ระหว่างเส้นชมธรรมชาติบนเส้นทางกิ่วแม่ปาน พวกเราได้พบกับเพื่อนใหม่อีก 8 คน
ขณะที่พูดคุยกันอย่างสนุกสนานระหว่างการเดินทางท่ามกลางธรรมชาติอันสวยงาม
บทสนทนาของพวกเราก็สะดุด เมื่อพี่เจ้าหน้าที่ผู้เป็นไกด์นำทางของพวกเราทั้งสิบคน
เอ่ยขึ้นมาว่า ที่บ้านขุนกลาง ดอกนางพญาเสือโคร่งบานแล้วนะ ถ้าอยากไปดูเดี๋ยวพี่จะพาไป
ยังเอารถขึ้นไปไม่ได้ ให้เหมารถกระบะของพี่เขาไป คิดค่าน้ำมันแค่ 1000 บาท
พวกเราสิบคนใจง่ายตอบตกลงร่วมหัวจมท้ายไปกันทั้งสิบคน (อะไรจะใจง่ายกันปานนั้น)
ตกคนละ 100 บาท คนเราเวลาถูกชะตากันแล้ว เค้าว่าจะชวนกันไปเที่ยวได้ง่าย จริงๆด้วย
เมื่อเดินทางออกมาจากกิ่วแม่ปาน พวกเราทั้งสิบก็แยกย้ายกันไปทำธุระ เก็บข้าวของส่วนตัว
ก่อนที่จะนัดเจอกันอีกครั้งหลังอาหารเที่ยง ให้พี่เจ้าหน้าที่เอารถกระบะมารับที่ด้านหน้าที่ทำการอุทยานฯ
สภาพรถเป็นรถกระบะคันเก่าๆ ตามแบบฉบับของรถเจ้าหน้าที่อุทยานฯ เราก็แอบคิดว่าจะเป็นรถไฟร์วีล
สำหรับขึ้นดอย ตอนนั้นใจอกุศลแอบคิดว่า แบบนี้รถแท๊กซี่ของเราก็ขึ้นได้น่ะสิ แต่ทางคงไปลำบาก
และเริ่มสนุกกับแกงค์เพื่อนใหม่นี้แล้ว เอาวะ…เป็นไงเป็นกัน
ทุกคนกระโดดขึ้นหลังท้ายรถกระบะ ไม่ไกลจากที่ทำการอุทยานฯ ริมถนนเส้นหลักมีต้นนางพญาเสือโคร่งต้นใหญ่ที่ดอกบานสะพรั่งให้ความหวังให้หัวใจเรากระชุ่มกระชวยด้วยความหวังว่า ที่ขุนกลางจะมีดอกบานทั่วดอย
ตรงจุดนี้เป็นจุดขายของที่ระลึกของชาวเขาที่จะนำสินค้าทางการเกษตรบนดอยมาขายนักท่องเที่ยวค่ะ อะไรๆก็น่าซื้อน่าทานไปหมด
แต่ที่ชอบที่สุด คือ ลูกเครปกู๊ดเบอรี่ รสชาตเปรี้ยวๆหวานๆทานแล้วชุ่มคอดีจัง
จากนั้นพี่เจ้าหน้าที่ก็พาเลี้ยวซ้าย (หากมาจากที่ทำการอุทยาน) จากถนนเส้นหลักดอยอินนทนน์ประมาณก.ม.ที่ 31 แล้วตรงไปเรื่อยๆทางไปขุนวาง เส้นทางไต่ขึ้นเขาคดเคี้ยวพอประมาณ เริ่มมองเห็นต้นพญาเสือโคร่งแบบกิ่งก้านโล่งๆไร้ดอกไร้ใบ
ภาพนี้ทำให้จุ๊ใจหดหู่ลงไปเล็กน้อย นึกถึงเมื่อปีก่อนที่ตัวเองทำตัวเป็นเด็กแวนซ์ เช่ารถมอเตอร์ไซด์จากตัวเมืองเชียงใหม่ขับขึ้นไปถึงบ้านขุนช่างเคี่ยนคนเดียว แล้วไปเจอต้นพญาเสือโคร่งต้อนรับด้วยสภาพแบบนี้ (ไม่รู้จะโทษใคร อยากจะไปก็ไป ไม่หาข้อมูลเอง)
แต่เมื่อมาถึงประมาณก.ม.ที่ 8 ก็จะเห็นป้ายศูนย์อนุรักษ์ ฯ และนางพญาสีชมพูเบิกบานต้อนรับอยู่สองสามต้นด้านหน้า
หัวใจเริ่มกลับมาพองโตอีกครั้ง พี่เจ้าหน้าที่เลี้ยวรถเข้าไปจอดตรงลานจอดรถ ถึง จุดนี้ เราก็รู้แล้วว่า เราสามารถนำรถขึ้นมาเองได้
(ถ้าเรารู้ทาง ซึ่งก็มาไม่ยากเลย) แต่เอาเถอะ ถือว่าช่วยเหลือพี่เจ้าหน้าที่และได้มาสนุกๆกับเพื่อนร่วมทางใหม่ๆ
เห็นโค้งถนนแบบนี้แล้วก็ทำให้นึกถึง บรรยากาศโบกรถเที่ยวกับเพื่อนๆสมัยเรียนมหาวิทยาลัยนู่นนนนน
จัดซะหน่อย รำลึกสาวนักโบก ^_^
เราแยกย้ายกันเดินสำรวจรอบๆศูนย์อนุรักษ์ฯ มีต้นนางพญาเสือโคร่งต้นเล็กต้นใหญ่ออกดอกบานหลายต้นเลยทีเดียว
ถึงแม้จะยังบานไม่ค่อยสมบูรณ์ บางต้นก็เริ่มเหี่ยวแล้ว บางต้นก็อยู่สูงเกินกว่าจะถ่ายภาพได้ชัดๆ บางต้นซ่อนอยู่ในพงหญ้าที่ต้องมุดตัวลงไปถ่ายภาพ แต่สำหรับการมาเยือนโดยบังเอิญและไม่ได้ตั้งความหวังสูงไว้ก่อน ที่นี่ก็นำพาซึ่งความสุขเล็กๆให้กับจุ๊ได้ไม่น้อย
และแม้ภาพดอกนางพญาของจุ๊จะไม่ได้สวยสดงดงามแบบใครเขา ยอมรับค่ะว่า ภาพนางชมพูไม่ได้สวยมาก และไม่ได้มีเยอะเลย
แต่หวังว่าเพื่อนๆคงสัมผัสได้ถึงความสุขที่ซ่อนอยู่ในภาพเหล่านี้ จุ๊แค่อยากเล่าให้ฟังว่า
บางครั้ง หากเราลองออกเดินทางแบบไร้แผนบ้าง
เราอาจจะได้เจอความสุขเล็กๆ ความลับของสสถานที่ที่เราไม่เคยรู้จัก และมิตรภาพจากการเดินทางใหม่ๆได้นะคะ
ขอบคุณอีกครั้งสำหรับเพื่อนร่วมทางที่เจอกันโดยบังเอิญในทริปนี้
เป็นทริปที่สนุกมากค่ะ หวังว่าจะได้เจอกันอีกนะ ที่ไหนสักแห่ง…หากเรายังคงเดินทาง
จนกว่าจะพบกันใหม่