หากเอ่ยถึงยอดดอยอินทนนท์ คงไม่มีใครไม่รู้จัก ยอดเขาที่สูงที่สุดของประเทศไทย
กับการเดินทางที่แสนสะดวกสบาย เพราะรถไปได้แทบจะถึง “จุดสูงสุดแห่งสยาม”
จำไม่ได้ว่าจุ๊ไปดอยอินทนนท์มาแล้วกี่ครั้ง จำได้แค่ว่า ทุกครั้งที่ไปเชียงใหม่ (ตอนโต)
ก็จะมีดอยอินทนนท์เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทาง และไม่เคยพลาดที่จะไปสัมผัสเส้นทางธรรมชาติกิ่วแม่ปาน
เส้นทางเดินเขาที่เดินง่าย(มาก) และวิวสวยสุดๆแห่งหนึ่งของประเทศ
แต่น่าแปลกใจค่ะ ที่มีคนจำนวนไม่น้อยไม่เคยเดินไปกิ่วแม่ปานเลย
วันนี้จุ๊เลยนำภาพถ่ายสวยๆและความสุขเล็กๆจากการเดินทางไปเยี่ยมกิ่วแม่ปานครั้งสุดท้ายมาฝากกัน
กาลครั้งหนึ่ง เมื่อไม่นานมานี้ ปลายปี 2557
จุ๊ร่วมสนุกกับนิตยสารล่องใต้และสายการบินแอร์เอเชียร์ จนได้รางวัลเป็นตั๋วเครื่องบินหาดใหญ่-เชียงใหม่
2 ที่นั่ง จุ๊เลยชวนน้องสาวคนเล็กที่เพิ่งกลับมาจากอเมริกาไปเที่ยวพักผ่อนที่เชียงใหม่เสียเลย เพราะน้องสาวยังไม่เคยไปเชียงใหม่
เลยสักครั้งค่ะ การเดินทางที่กระทันหันนำมาซึ่งการไม่วางแผน จัดกระเป๋าเดินทางไปแบบชิลล์ๆ อยากไปไหนก็ไป
ตอนแรกไม่ได้คิดจะปีนเขาขึ้นดอยด้วยซ้ำ (ไม่ได้พกอุปกรณ์กันหนาวไปด้วยนะเออ)
แค่อยากไปนั่งจิบกาแฟ อ่านหนังสือ ปั่นจักรยานอยู่ในเมือง
แต่เมื่อร่างกายสัมผัสถึงอากาศที่เริ่มหนาวเย็น และได้ข่าวว่าบนยอดดอยอินทนนท์มีแม่คะนิ้งด้วย
พวกเราก็รับนัดพี่คนขับแท๊กซี่ที่พูดคุยถูกคอถูกชะตากัน เหมารถพี่เขาหนึ่งวันไปชมพระอาทิตย์ขึ้นบนยอดดอยซะเลย
คืนก่อนเดินทาง ก็ได้ไปเดินกาดเพื่อหาอุปกรณ์กันหนาวชนิดที่แค่เอาตัวรอด พวกถุงมือ ถุงเท้า แบบถูกๆในตลาดเปิดท้าย
เวลาตีสามครึ่งของวันคริสมาสต์ พี่ชา(คนขับแท๊กซี่)มารับที่โรงแรม แล้วขับรถตรงดิ่งไปยังเส้นทางอ.จอมทอง-ดอยอินทนนท์
จนมาถึงจุดชมวิวหลักกิโลเมตรที่ 41 ของถนนสายจอมทอง-ยอดดอยอินทนนท์ อุณหภูมิขณะนั้น 1 องศาค่ะ
ถุงเท้าบางๆรองเท้าแตะ เสื้อกันหนาวที่ไม่ค่อยหนา หมวกไหมพรมและผ้าพันคอแทบจะไม่ช่วยอะไร
ยังไม่ทันไร เราสองคนก็มือเท้าหน้าชาไปหมด ตัดสินใจไม่เดินไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่กิ่วแม่ปาน เพราะรู้ตัวดีว่าเดินไปในสภาพนี้
ไม่ไหว พวกเราตั้งหลักรอชมพระอาทิตย์ขึ้นกันที่นี่ก่อน ไออุ่นจากพระอาทิตย์เริ่มส่องมาเมื่อไหร่ ค่อยเดินไปทักทายกิ่วแม่ปานกัน
ยอมรับเลยว่า ตอนนั้นใจเร่งรีบอยากเจอแสงอาทิตย์โดยเร็ว ไม่ใช่เพราะวิวสวย แต่เพราะร่างการต้องการไออุ่น
แต่แสงแรกของวันคริสมาสต์ที่จุดชมวิวหลักกิโลเมตรที่ 41 ข้างถนน ก็ไม่ทำให้เราผิดหวังเลยค่ะ
ใครไม่หลงรักดวงตะวันแบบนี้ ก็ใจแข็งเกินไปแล้ว
บรรยากาศที่จุดชมวิวกม.ที่ 41 คึกคักใช้ได้เลยทีเดียว
เมื่อแสงอาทิตย์เจิดจ้า จุ๊ก็พาน้องสาวไปถ่ายภาพกับป้าย “จุดสูงสุดแห่งสยาม” เป็นที่ระลึกก่อน เดี๋ยวจะหาว่ามาไม่ถึง
เรียกว่า ถ่ายภาพกับคนที่มาถ่ายภาพกับป้าย คงดีกว่าค่ะ คนเยอะจริงๆ
ตอนเดินลงมาขึ้นรถ ได้ยินพี่เจ้าหน้าที่อุทยานฯเรียกเพื่อนของเขาให้ไปดูแม่คะนิ้ง เราก็เนียนเดินตามเขาไปดูด้วย
เลยได้ภาพแม่คะนิ้งบนยอดหญ้าริมทางมาฝากกันซะเลย 🙂
ขอข้ามจุดสูงสุดของยอดดอยอินทนนท์ไปนะคะ เพราะเพื่อนๆคงคุ้นเคยกันดีแล้ว
กลับมาที่จุดชมวิวกม.ที่ 41 ซึ่งก็เป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางธรรมชาติกิ่วแม่ปานด้วยค่ะ
ก่อนไปเดิน ก็ขอเก็บบรรยากาศสวยๆตรงที่จอดรถมาฝากกันก่อน ตรงนี้จะมีเนินให้เราเดินขึ้นไป
สูดอากาศ ชมวิวภูเขา 180 องศา ทั้งยังเห็นยอดพระธาตุนภเมทนีดลด้วย
เพื่อกายพร้อมใจพร้อม สองพี่น้องก็มาเข้าแถวต่อคิวลงชื่อรอเจ้าหน้าที่นำทางสู่เส้นทางธรรมชาติกิ่วแม่ปาน
วันนั้นนักท่องเที่ยวเยอะมากค่ะ พวกเราเลยต้องรวมกลุ่มเดินทางไปกับนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่น เพราะเจ้าหน้าที่มีไม่เพียงพอ
กลุ่มของจุ๊มีทั้งหมดสิบคนค่ะ จุ๊ น้องสาว พี่สองคนที่ขับรถมาเที่ยวจากกรุงเทพ กลุ่มน้องๆชาวลำปางอีก 6 คน
เส้นทางธรรมชาติกิ่วแม่ปานอยู่ที่ระดับความสูงประมาณ 2,000 เมตร จากระดับน้ำทะเล
มีระยะทาง 3 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางแบบเพลินๆประมาณ 3 ชั่วโมงค่ะ
ระหว่างทางจะมีจุดพักและป้ายบอกชื่อจุดพร้อมคำอธิบายถึงธรรมชาติริบกายตรงจุดนั้นอย่างน่าสนใจ
เส้นทางมีทั้งขึ้นและลง ปัจจุบันมีการทำทางเดินที่ค่อนข้างกว้างและเดินง่ายมากค่ะ
เส้นทางในช่วงแรกจะเดินผ่านป่าดิบเขา ซึ่งอุดมไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่ โอบล้อมด้วยมอสและเฟิร์นนานาชนิด
หากเงยหน้าขึ้นมองจะเจอกับความเขียวขจีของต้นไม้ช่วยให้จิตใจชุ่มฉ่ำ
หากก้มลงพื้น อาจจะได้เจอขนุนดินโผล่มาอวดโฉม แล้วอย่าเผลอไปเหยียบเข้าล่ะ
แถมตามต้นไม้ ยังมีรอยเท้าหมี เรียกเสียงตื่นเต้น สร้างความคึกคักให้กับแกงค์เดินป่าของพวกเราได้พอสมควร
ป่าที่นี่ยังอุดมสมบูรณ์มากค่ะ ต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ผู้พิทักษ์ป่าที่ช่วยดูแลปกป้องผืนป่าให้กับพวกเรา
เดินมาสักพักเรียกเหงื่อได้เล็กน้อย เราก็จะหลุดออกจากป่าทึบ ออกมาเจอทุ่งหญ้าโล่งสีน้ำตาลทอง
เริ่มเห็นทะเลหมอกจางๆอยู่ไกลๆ แค่นี้ก็นำความสุขมาให้หัวใจนักเดินทางได้ไม่ยาก
หันไปมองรอบๆ ทุกคนดูมีความสุขและเพลิดเพลินกับธรรมชาติสวยงามเบื้องหน้า
ทุ่งหญ้าสีทอง ออกมาอวดโฮมแล้วค่ะ
ธรรมชาติบรรเลงสีสัน เขียว น้ำตาล ทอง แดง ฟ้า ความสวยงามที่ไม่ต้องปรุงแต่ง
และจุดนี้ก็คือไฮไลท์ของเส้นทางแห่งความสุขนี้ค่ะ จุดชมวิวกิ่วแม่ปานในยามที่ทะเลหมกกระจัดกระจายหายไปแล้ว
แต่ภาพเบื้องหน้าก็สวยงามไม่น้อยไปกว่ากัน ยามไร้ทะเลหมอกเราจะได้เห็นหุบเขาเขียวๆชัดเจนขึ้น สวยกันไปคนละแบบ
เราใช้เวลาที่จุดนี้กันพอสมควร ยืนมองธรรมชาติ ถ่ายภาพ พูดคุยทำความรู้จักเพื่อนร่วมทาง
หากนอนอยู่บ้าน…ก็คงไม่เจอความสุขแบบนี้
จากจุดนี้ นักท่องเที่ยวสามารถเลือกเดินกลับเส้นทางเดิมก็ได้ค่ะ
แต่หากใครมีพลังพอ ขอแนะนำให้เดินต่อไปตามเส้นทางเล็กๆริมสันเขาไปเรื่อยๆ เส้นทางนี้จะมีลักาณะวนเป็นวงกลม
แล้วเราก็จะกลับไปยังจุดเริ่มต้น เหนื่อยกว่าหน่อย แต่จะได้เห็นธรรมชาติที่หลากหลายกว่า ตามไปดูกัน
จากจุดชมวิว เดินไต่สันเขาลงไปเรื่อยๆ
ก็จะมาเจอหินรูปหัวใจตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า ตอนนี้ต้นไม้สูงขึ้นเลยบังหัวใจไปนิดหนึ่ง
ยังพอดูกันออกว่าเป็นรูปหัวใจไหมเอ่ย
สำหรับคนที่มากับคู่ก็อธิฐานให้รักกันนานๆ
สำหรับคนไร้คู่ เราก็ไม่เศร้า เพราะกลุ่มเราสนุกสนานเฮฮากันมาก แต่ละคนคงแอบอธิษฐานให้เจอคู่ดีๆกันบ้างล่ะ
แล้วเราก็เดินอ้อมสันเขาริมหน้าผา จนมาเจอนางเอกของกิ่วแม่ปาน นั่นก็คือ กุหลาบพันปีค่ะ
ความสวยงามของกุหลาบพันปี ไม่ได้อยู่ที่กลีบดอกอันอ่อนหวานที่เราเคยคุ้น
แต่คือลำต้นที่สูงใหญ่ กิ่งก้านดูเป็นต้นไม้โบราณ นี่แหละมั้งที่เรียกว่า กุหลาบพันปี
ดอกกุหลาบพันปีสีแดง เริ่มเบ่งบานออกมาให้ยลกัน
อยากเห็นดอกกุหลาบพันปีบานเต็มต้น ควรจะมาหลังเดือนมกราคม เป็นต้นไปนะคะ
หลังผ่านหน้าผาดอกกุหลาบพันปี เราก็จะเข้าเขตทุ่งหญ้าอีกครั้ง ก่อนที่จะกลับเข้าสู่เขตป่าทึบ เพื่อไปเจอกับจุดเริ่มต้นของเส้นทางค่ะ
ระยะทาง 3 กิโลเมตร ไม่ใกล้ แต่ก็ไม่ไกลจนเกินไป
เหมาะสำหรับนักเดินเขามือใหม่ หากใครมาเที่ยวยอดดอยอินทนนท์
อย่าลืมแวะมาเดินชมเส้นทางธรรมชาติกิ่งแม่ปานนะคะ เพราะธรรมชาติที่หลากหลายของที่นี่
จะนำพาความสุขง่ายๆมาให้ทุกคนได้ค่ะ
การเดินทางสั้นๆครั้งนี้ จุ๊ไม่เพียงได้กลับมาทักทายกิ่วแม่ปานอันคุ้นเคยอีกครั้ง ถึงแม้เส้นทางจะสะดวกสบายขึ้น
แต่ทุกครั้งจุ๊จะได้เห็นกิ่วแม่ปานในมุมที่แตกต่างกันไป และครั้งนี้จุ๊ยังได้ใช้เวลากับน้องสาว ที่เราไม่ค่อยได้ใช้เวลาร่วมกันบ่อยนัก
ได้รู้จักกับเพื่อนร่วมทางใหม่ๆ การรู้จักกันแค่สั้นๆนำมาซึ่งความสนุกและเพิ่มความสุขในการเดินทางได้มากเลยค่ะ
ขอบคุณพี่ปิ๊กและพี่นา สำหรับมิตรภาพระหว่างทางที่น่ารักค่ะ
ขอบคุณน้องๆชาวลำปาง…น้องมน น้องตั๋ม น้องอินเตอร์ น้องโจ้ น้องลัคกี้ น้องดรีม
ขอบคุณแจน น้องสาวที่รัก…แล้วไปท่องโลกด้วยกันอีกนะ