เที่ยวไปตามใจฉัน…5 วันการเดินทางสู่ซาปาเมืองในหมอก

การเดินทางสู่เมืองในหมอก…ซาปา ประเทศเวียดนาม เมื่อต้นปีที่ผ่านมา เป็นการเดินทางที่จุ๊ไม่ได้วางแผนมาก่อนเพียงเพื่อนรุ่นพี่คนสนิทออกปากชวนให้ไปเป็นไกด์ส่วนตัวก็รีบตกลงปลงใจไปกับเค้าทันที จุ๊เคยเดินทางไปซาปาเมื่อสิบกว่าปีก่อนค่ะ ก็เลยอยากจะรู้เหมือนกันว่า ซาปาเปลี่ยนไปเพียงใด ภาพถ่ายและเรื่องเล่าสั้นๆที่แบ่งปันออกไปในเพจ “เรื่องเล่าจากกระเป๋าเดินทาง” ทำให้มีเพื่อนๆสอบถามข้อมูลการเดินทางไปซาปามาเยอะมากๆ อาจจะเป็นเพราะว่าการเดินทางของจุ๊ค่อนข้างแตกต่างจากรีวิวทริปซาปาที่หาอ่านได้มากมายในโลกออนไลน์ นักท่องเที่ยวชาวไทยส่วนใหญ่จะนิยมซื้อแพคเกจทัวร์ผ่านเอเจ้นในฮานอย ซึ่งก็จะได้รับความสะดวกสบายเพราะไม่ต้องจองที่พักหรือตั๋วรถไฟเอง แต่การเดินทางผ่านเอเจ้นก็จะทำให้เส้นทางของเราไม่แตกต่างไปจากคนอื่นๆ โดยส่วนตัว…จุ๊ชอบวางแผนการเดินทางด้วยตัวเอง เพราะเราสามารถเลือกประสบการณ์การเดินทางในแบบที่เราชอบไ ด้รับความแปลกใหม่ มีความยืดหยุ่น การจัดการด้วยตัวเองบางคนอาจจะมองว่าเสียเวลา แต่สำหรับจุ๊ รู้สึกสนุกและยังเพิ่มความเชี่ยวชาญในการวางแผนการเดินทางครั้งต่อๆไปโดยที่เราไม่รู้ตัวด้วย  หลายครั้ง…เราอาจได้เรียนรู้หรือได้รับประสบการณ์ดีๆจากข้อผิดพลาดในการวางแผนเดินทางด้วยตัวเองด้วยนะคะ เนื่องด้วยเวลาที่มีจำกัด จุ๊เลยขอเขียนเล่าการเดินทางครั้งนี้แบบสั้นๆก่อนน ส่วนภาพถ่ายและเรื่องเล่าแบบเนื้อๆจะตามมาอีกทีนึง คงไม่ว่ากันนะคะ (ขอออกตัวก่อนว่าทริปนี้ภาพไม่สวยเท่าไหร่ เพราะฝนตกฟ้าครึ้มหมอกจัดทุกวัน แถมกล้องก็เริ่มเกเรค่ะ) โดยจุ๊ขอเล่าตามการเดินทางเป็นเวลา 5 วันของจุ๊เป็นหลัก เพื่อนๆสามารถนำไปปรับใช้กับจำนวนวันเดินทางที่เพื่อนๆสะดวกได้เลยค่ะ ก้าวแรกของการเดินทางสู่ซาปา ซาปา เป็นเมืองเล็กๆกลางหุบเขาทางตอนเหนือของประเทศเวียดนามค่ะ การเดินทางจากเมืองไทยที่สะดวกที่สุดคือ การบินตรงจากกรุงเทพฯไปยังเมืองฮานอย ซึ่งสามารถเลือกเดินทางได้ทั้ง Thai airways, Vietnam airlines, Vietjet Air, Harn Air หรือ Air Asia ค่ะ โดยเพื่อนซี้หางแดงของเราจะมีเที่ยวบินไปยังฮานอยวันละหนึ่งเที่ยว ใช้เวลาเดินทางไม่ถึง 2 ชั่วโมง สามารถเลือกเที่ยวบินได้ตามความสะดวกของเวลาและเงินในกระเป๋าได้เลย Screen Shot 2015-01-24 at 8.27.50 am ตอนนี้ฮานอยมีสนามบินใหม่ Noibai International Airport ที่ทันสมัยและใหญ่โตมากค่ะSapa_001 จากสนามบิน Noibai International Airport เราก็สามารถเดินทางไปสู่เมืองฮานอยได้โดยรถแท๊กซี่หรือรถบัสของสนามบิน ขึ้นอยู่กับความสะดวกนะคะ โดยจะใช้เวลาประมาณ 30-45 นาที ซึ่งหากเราเดินทางโดยสายการบินแอร์เอเชีย จะไปถึงฮานอยประมาณ 9 โมงเช้า ก็จะทำให้เรามีเวลาเที่ยวในตัวเมืองฮานอยเกือบเต็มวันก่อนที่จะเดินทางสู่เมืองซาปาในตอนคำ่ หากเพื่อนๆมีเวลามากกว่า 5 วัน ก็สามารถที่จะเลือกพักและเที่ยวในฮานอยเพิ่มเติม เช่น ฮาลองเบย์ ฮาลองบก หรือ Ninh binh เมืองใกล้เคียงได้ค่ะ วันที่ 1 ดื่มด่ำประวัติศาสตร์เมืองฮานอย เนื่องจากช่วงที่จุ๊ไป 10-14 มกราคม 2558 เป็นช่วงที่ฮานอยมีฝนตกพรำๆทั้งวัน และจุ๊เคยเดินทางไปเที่ยวฮานอยมาก่อน เลยใช้เวลาส่วนใหญ่ในการเที่ยวหลบฝนในพิพิธภัณฑ์ที่ยังไม่เคยเข้าไปชม ขอนำภาพมาให้ชมเป็นกับแกล้มกันก่อน ไว้จะมาพาเที่ยวแบบเต็มอิ่มกันถึงประวัติศาสตร์ของฮานอยและเวียดนามกันให้ฟังทีหลังนะคะ ที่แรกที่อยากแนะนำก็คือ Vietnamese Women’s Museum ที่นี่จะรวบรวมเรื่องราวของหญิงสาวชาวเวียดตั้งแต่เกิด แต่งงาน มีลูก ทำงานเลี้ยงครอบครัว การมีส่วนร่วมในการรบ เราจะได้เห็นซึ้งว่าสาวชาวเวียดนามทำงานหนักเพียงใด ที่นี่ยังรวบรวมข้าวของเครื่องใช้โบราณและเครื่องแต่งกายของชาวเขาเผ่าต่างๆ นับว่าจัดแสดงได้ดีมากเลยค่ะ Hanoi_001 Address: 36 Lý Thường Kiệt, Hang Bai ward, Hoàn Kiếm, Hà Nội, Vietnam เปิดให้เข้าชมตั้งแต่ 8:30am-4:40pm ค่าเข้าชม 30.000 VND สถานที่ต่อมาคือ HOA LO PRISON หรือ Hanoi Hilton ที่นี่เคยเป็นคุกที่ฝรั่งเศสเคยใช้ในการกักขังนักโทษในช่วงสมัยสงครามเวียดนาม ตึกเก่าโบราณยังคงถูกอนุรักษ์ไว้ท่ามกลางตึกสูงรอบๆ ชาวฝรั่งเศศเรียกคุกแห่งนี้ว่า Maison Centrale การเข้าชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้อาจนำมาซึ่งความหดหู่ใจได้ไม่น้อย เพราะมีการจำลองภาพเหตุการณ์และสภาพความเป็นอยู่ของนักโทษ และเครื่องไม้เครื่องมือที่ใช้ประหารนักโทษให้ชมด้วยค่ะ  Hanoi_002 ค่ำแล้วฝนก็ยังตกปรอยๆไม่หยุด ปกติเวลาหนึ่งวันนี่สามารถเที่ยวในฮานอยได้เยอะเลยค่ะ แต่พอฝนตก เราเลยเอ้อระเหยลอบชายกันอยู่ในคาเฟ่นานพอสมควร หลังเดินเล่นในตลาดย่าน Old Quarter และตลาดที่ขายพวกเสื้อผ้าใกล้ๆทะเลสาบคืนดาบกันได้เพียงนิดหน่อย ก็เข้าไปนั่งหลบฝนชมการแสดงหุ่นกระบอกน้ำที่ THANG LONG WATER PUPPETS THEATRE ขอแนะนำว่าอย่างน้อยควรจะเข้าไปชมการแสดงหุ่นกระบอกของเวียดนามให้ได้สักครั้งหนึ่ง พอดีเพื่อนของจุ๊ยังไม่เคยชมและจุ๊ก็อยากทราบว่าการแสดงของที่นี่จะแตกต่างกับที่โฮจิมินห์หรือเปล่า เราเลยเดินเข้าไปซื้อตั๋ว ซึ่งที่นี่จะมีรอบให้ดูเยอะมากค่ะ มีรอบเยอะกว่าและโรงใหญ่กว่าที่โฮจิมินห์เยอะ แต่โดยรวมจุ๊คิดว่าที่โฮจิมินห์สนุกและการเล่าเรื่องน่าสนใจกว่า การแสดงของฮานอยจะเนิบๆค่อยเป็นค่อยไป แม้ว่าจะฟังไม่รู้เรื่องแต่ก็สามารถเข้าใจเรื่องราวได้ค่ะ เพราะส่วนใหญ่จะเป็นการถ่ายทอดถึงวิถีชีวิตของชาวเวียนามในชนบท ซึ่งไม่แตกต่างจากประเทศไทยในสมัยก่อนนัก เอาเป็นว่า ลองไปชมกันดูเองนะคะ ว่าจะชอบกันหรือเปล่า ที่อยู่ 57b Đinh Tiên Hoàng, Hoàn Kiếm, Hà Nội, Vietnam ค่าเข้าชม 60.000 VND หากมีกล้องถ่ายภาพก็จะต้องเสียซื้อตั๋วถ่ายภาพ 20.000 VND หรือ 60.000 VND สำหรับกล้องวิดีโอค่ะ การแสดงจะใช้เวลาประมาณ 50-60 นาที หากอยากได้ภาพสวยๆ แนะนำว่าให้เลือกนั่งด้านหน้าหรือตรงกลางนะคะ ที่ฮานอยจะเป็นโรงใหญ่ หากนั่งด้านหลังจะถ่ายภาพค่อนข้างยากค่ะ Hanoi_003 นอกจากสถานที่ข้างต้น เพื่อนๆยังสามารถดาวน์โหลดแผนที่ท่องเที่ยวในเมืองฮานอยได้ตามลิงค์ด้านล่างนี้เลยค่ะ http://www.mappery.com/map-of/Ha-Noi-Tourist-Map บนเส้นทางรถไฟสายคลาสสิค Hanoi-Sapa หลังทานอาหารเย็น ก็ถึงเวลาเตรียมตัวไปขึ้นรถไฟเดินทางต่อไปยังซาปาค่ะ การเดินทางโดยรถไฟตู้นอนจากฮานอยไปซาปานั้นเป็นที่นิยมมากที่สุด เพราะสะดวกสบายและสามารถประหยัดค่าโรงแรมไปด้วยหนึ่งคืน จุ๊เลือกที่จะจองตั๋วรถไฟด้วยตัวเอง ผ่านทางเว็บไซต์ของบริษัท Blue Dragon Tours ซึ่งมีรถไฟตู้นอนให้เลือกหลายบริษัทมาก มีภาพตู้นอนและเครื่องอำนวยความสะดวกประกอบการตัดสิน สามารถเลือกตามความพอใจของราคาและเวลาเดินทางค่ะ ตามเว็บไซต์นี้เลย http://www.hanoisapatrain.com โดยการเดินทางจากฮานอยจะมีตั้งแต่เวลาประมาณ 20.00-22.00 และขากลับจากซาปาจะมีตั้งแต่เวลาประมาณ 18.00-20.00 มีให้เลือกตั้งแต่เตียงแข็ง (Hard Berth), เตียงนุ่ม (Soft Berth) และเตียงไฮโซ (VIP Berth) ขอแนะนำให้เดินทางโดยเตียงนุ่มค่ะ เพราะเตียงนุ่มนอนสบายจริงๆ ราคาประมาณ 40-50 USD ต่อคน ต่อเที่ยว ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 ชั่วโมง ในการเดินทางครั้งนี้จุ๊เลือกเดินทางโดยรถไฟของ Sapaly Express Train เพราะรู้สึกชอบบรรยากาศตู้นอนไม้แบบคลาสสิคและเวลาเดินทางเที่ยวดึกที่สุด จะได้มีเวลาเที่ยวในฮานอยมากที่สุด ซึ่งประทับใจมากค่ะ ตู้นอนสวย สะอาด เตียงนุ่มนอนสบาย ผ้าห่มอุ่น เป็นตู้ที่มี 4 เตียงในห้องเดียวกัน มีเครื่องปรับอากาศ ไฟหัวเตียง พื้นที่วางกระเป๋าเดินทาง โต๊ะวางของ หมอน ผ้านวม และผ้าปูที่เปลี่ยนใหม่ทุกวัน พร้อมด้วยน้ำดื่ม ผ้าเย็น ชุดแปรงสีฟันยาสีฟัน หวี รองเท้าผ้า Sapa_002 สภาพเตียงน่านอนมากเลยนะ sapaly cabin เมื่อทำการจองตั๋วผ่านทางเว็บไซต์ เราจะต้องจ่ายมัดจำครึ่งหนึ่งโดยบัตรเครดิตค่ะ  จากนั้นทางบริษัทจะส่งอีเมลล์ยืนยันกลับมาให้พร้อมนัดรับตั๋วที่สถานีรถไฟและทำการชำระเงินสดอีกครึ่งหนึ่งเมื่อรับตั๋ว ซึ่งเจ้าหน้าที่ของบริษัทจะนำตั๋วมาให้ที่สถานีรถไฟ โดยควรมาถึงที่สถานีอย่างน้อย 45 นาทีก่อนเวลารถออก (จากประสบการณ์ รถไฟออกตามเวลานะคะ)

Screen Shot 2015-01-26 at 11.37.09 pm

ข้อควรระวังคือ ที่สถานีรถไฟฮานอยจะมีทางเข้าสองฝั่งซึ่งตั้งอยู่คนละฝั่งของชานชาลา ทางเข้าใหญ่จะชื่อว่า Gar Ha Noi และอีกฝั่งมีชื่อว่า Tran Quy Cap เวลานัดก็ควรย้ำให้แน่ใจว่านัดกันที่ฝั่งไหน สำหรับจุ๊กว่าจะหากันเจอต้องวิ่งลากกระเป๋าผ่านชานชาลากันเหงื่อตกและลุ้นกันสุดๆเลยค่ะSapa_003วันที่ 2 ทักทายซาปา…เมืองแห่งสายหมอก หลังจากนอนหลับสบายๆกันเต็มอิ่มบนรถไฟ ก็เดินทางมาถึงเมืองลาวไก (Lao Cai) ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางของขบวนรถไฟสายนี้ค่ะ จุ๊เดินทางมาถึงลาวไกตอน 6โมงครึ่ง รถไฟสายแค่ครึ่งชั่วโมงเอง เมื่อเดินตามขบวนนักเดินทางออกมายังทางออก ก็มองหาป้ายชื่อของตัวเอง โดยโรงแรมส่วนใหญ่จะมีบริการรับส่งจากซาปาถึงลาวไกค่ะ ถ้าเป็นรถมินิบัส (Shuttle bus) ก็จะราคา 3USD ต่อคนต่อเที่ยว หากต้องการรถยนต์ส่วนตัว (Private care) ก็จะราคาประมาณ 30USD ต่อคันต่อเที่ยวค่ะ หากไม่ได้จองไว้ หรือทางโรงแรมไม่มีบริการรถรับส่ง ก็สามารถใช้บริการรถบัสประจำทางสายลาวไก-ซาปาได้ค่ะ ที่ลาวไกรถจะจอดที่จตุรัสด้านหน้าสถานีรถไฟเลย ส่วนที่ซาปารถจะจอดแถวๆหน้าไปรษณีย์ซาปาค่ะ โดยสภาพรถ ราคาค่าโดยสาร และตารางเวลาก็ตามภาพเลยค่ะ Sapa_004 Sapa_005 Sapa_006 จุ๊เลือกใช้บริการรถ Shuttle Bus ที่จองผ่านทางโรงแรมค่ะ เพราะไม่ต้องรอรถออกและรถจะไปส่งถึงโรงแรมเลย การเดินทางจากลาวไกไปยังเมืองซาปาจะใช้เวลาประมาณ 50 นาที ซึ่งจะเป็นการเดินทางขึ้นเขาผ่านวิวทิวทัศน์ภูเขาสวยๆค่ะ ว่ากันด้วยเรื่องที่พักในซาปา ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวชาวไทยจะนิยมไปพักกันที่ Sapa Summit Hotel โดยการเลือกห้องพักที่มีระเบียงและวิวทิวเขาฟานซีปันแบบเต็มๆตา หรือไม่ก็เลือกพักโรงแรมที่อยู่ใกล้แหล่งการค้าของตัวเมืองซาปาเพื่อความสะดวก แต่ด้วยจุ๊ชอบความเป็นส่วนตัวจึงเลือกหลีกหนีความวุ่นวายไปปลีกวิวกที่โรงแรม Sapa House ค่ะ ซึ่งก็สามารถเดินไปยังตัวเมืองซาปาได้ไม่ไกลเลย เพียงแค่ต้องขึ้น-ลงเนินนิดหน่อยเท่านั้น (ถือเป็นการเสริมกำลังน่องแล้วกันเน๊าะ) โดยจุ๊จองห้องพักผ่านทางเว็บไซต์ booking.com ค่ะ ในช่วงที่มีโปรโมชั่นพอดี ได้ห้องพักชั้นบน มีหน้าต่างบานใหญ่ มองเห็นทั้งวิวเมืองและวิวภูเขา ห้องพักสะอาด สบาย อาหารเช้าก็ดี แถมพนักงานน่ารักมากค่ะ ราคาที่พักเพียงคืนละหนึ่งพันบาทต้นๆ รวมอาหารเช้าและ free wifi เราก็ได้ห้องพักใหญ่โต วิวสวยงามแบบนี้32882659 ห้องที่จุ๊ได้พัก คือห้องที่อยู่บนชั้นห้า มีระเบียงนั่นแหละค่ะ Sapa_007 ทั้งนี้ทั้งนั้น การเลือกที่พักก็ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน ลองเข้าไปเลือกในเว็บไซต์ booking.com กันดูได้ ข้อดีของเว็บไซต์นี้คือจะมีโปรโมชั่น Smart Deal อยู่เป็นประจำ ให้ข้อมูลละเอียด บอกตำแหน่งพิกัดและสถานที่ใกล้เคียงชัดเจน เปรียบเทียบราคาและคะแนนรีวิวได้ จองแล้วยังไม่ต้องจ่ายเงินและสามารถยกเลิกการจองได้จนกว่าจะถึงเวลาที่กำหนด แต่เมื่อเลยเวลาที่กำหนดแล้ว (ประมาณ 5-7วีนก่อนวันที่จองค่ะ) จะมีค่าปรับเมื่อทำการยกเลิก หากต้องการเลือกห้องที่มีระเบียง/หน้าต่าง วิวภูเขา ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมไหนก็ตาม ให้คลิกเข้าไปตรงข้อมูลเพิ่มเติม ก็จะเห็นรายละเอียดของห้องและสิ่งอำนวยความสะดวกบอกไว้ค่ะ เนื่องจากเดินทางมาถึงโรงแรมตั้งแต่เช้า แต่ยังเข้าห้องพักไม่ได้เพราะที่นี่จะให้เช็คอินตอนบ่ายสองโมงค่ะ หลังจากเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าล้างตา ฝกกระเป๋าไว้กับทางโรงแรม เราก็ออกไปหาอาหารเช้า และออกเดินเล่นในเมืองซาปากันก่อนเลย เดินเล่นฝ่าหมอกสู่หมู่บ้านกั๊ตกั๊ต ซาปาเป็นเมืองที่เดินเที่ยวได้ง่ายค่ะ เพราะมีจตุรัส Sapa Square เป็นจุดศูนย์กลาง  ซึ่งเราจะเห็นโบสถ์เก่า Sapa Church โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ Sapa_008 แผนที่ใจกลางเมืองซาปาค่ะ sapa-centerจาก Sapa Square เราสามารถเดินไปยังหมู่บ้านกั๊ตกั๊ต (Cat Cat Village) หมู่บ้านชาวเขาแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของซาปาได้เลย โดยเดินลงเขาไปเรื่อยๆบนถนนฟานซีปัน (Fansipan St.) ซึ่งจะมีป้ายบอกทางเป็นระยะๆ ในวันที่จุ๊ไปถึงซาปา เป็นวันที่อากาศหนาวและหมอกลงจัดมาก ก่อนจุ๊ไปถึงหนึ่งวันเพิ่งมีหิมะตกที่ซาปาด้วยค่ะ ได้รับข้อความถามไถ่เข้ามามากมายเรื่องหิมะ เพราะที่เมืองไทยได้ลงข่าวกันโด่งดัง แต่จุ๊นับว่าโชคดีที่ไม่ได้เจอหิมะ เพราะถ้าช่วงที่หิมะตกคงได้แต่นอนพักอยู่ในห้องเดินทางไปไหนไม่สะดวก ป้ายบอกทางไปหมู่บ้านกั๊ตกั๊ตช่วงต้นถนนฟานซิปัน ระยะทาง 2 กิโลเมตร หากใครไม่อยากเดินไปก็สามารถนั่งมอเตอร์ไซต์รับจ้าง (ค่าบริการประมาณ 50.000VND) หรือเช่ารถมอเตอร์ไซต์ขี่ไปเที่ยวได้ค่ะ (ค่าเช่าวันละ 4 -5 USD) Sapa_009-1 Sapa_010 ตลอดระยะทางสองกิโลเมตรมุ่งสู่หมู่บ้านกั๊ตกั๊ต เป็นการเดินฝ่าหมอกหนา แต่ก็พอให้เพลิดเพลินกับบรรยากาศสองข้างทาง ทั้งฝูงวัวของชาวบ้านร้านค้า โรงแรม บ้านเรือน แกลเลอรี่ทั้งสองข้างถนน ในยามเช้า จะมีชาวบ้านในชุดชาวเขาเดินสวนขึ้นไปยังตัวเมืองซาปาเพื่อขายของที่ระลึกให้นักท่องเที่ยว Sapa_011 Sapa_013 ชาวซาปาส่วนใหญ่จะยิ้มแย้มแจ่มใสต้อนรับผู้มาเยือนค่ะ อาจจะมีบ้างที่พวกเขาเดินตามตื้อนักท่องเที่ยวเพื่อขายของ แต่หากเราปฏิเสธอย่างสุภาพ พวกเขาก็จะเดินจากไปอย่างสุภาพเช่นกัน โดยประสบการณ์ ชาวซาปาจะไม่เข้ามารุมทึ้งหรือถึงเนื้อถึงตัวนักท่องเที่ยวอย่างที่เคยเจอในฮานอยหรือโฮจิมินห์ค่ะ Sapa_012 เมื่อเดินมาถึงหมู่บ้านกั๊ตกั๊ต เราจะเริ่มเห็นร้านรวง ที่พัก ร้านอาหารมากมายท่ามกลางขุนเขา ก่อนที่จะเข้าไปเที่ยวชม Cat Cat Tourism Area เราต้องซื้อบัตรเข้าชมเป็นเงิน 40.000 VND บริเวณขายบัตรจะตั้งอยู่ตรงข้ามร้านขายค้าที่ขายเสื้อผ้าและอุปกรณ์เดินทางที่น่าจะใหญ่ที่สุดของที่นี่ค่ะ Sapa_014 เมื่อซื้อบัตรเข้าชมเรียบร้อยแล้ว เราก็จะได้แผนที่แนะนำเส้นทางเดินชมหมู่บ้านกั๊ตกั๊ต สามารถเลือกเดินได้ตามความสนใจและพละกำลังขาได้เลย โดยเส้นทางที่จุ๊แนะนำก็คือ เส้นทางสีเขียวตามแผนที่นี้ เพราะจะได้ผ่านร้านขายของที่ระลึกมากมาย ชมวิถีชาวบ้านชนเผ่าม้ง ทุ่งนาขั้นบันได (ถ้าไปหน้าหนาวก็จะไม่ได้บรรยากาศทุ่งนาเขียวๆนะคะ อยากได้แบบนั้นต้องไปช่วงปลายฝนต้นหนาว ประมาณเดือนสิงหาคม-ตุลาคมค่ะ) ผ่านน้ำตกสวยและสะพานแขวน ซึ่งเส้นทางนี้จะมีระยะทางประมาณ 1.2 กิโลเมตรค่ะ ส่วนระยะเวลาในการเดินนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าเราจะแวะชื่นชมหรือแวะถ่ายภาพแต่ละจุดนานแค่ไหน จุ๊เคยไปที่นี่เมื่อสิบกว่าปีก่อน บรรยากาศแตกต่างกันมากค่ะ ตอนนี้ทางเดินสบาย มีบันไดให้เดินได้สะดวกไปตลอดเส้นทาง หมู่บ้านมีความเจริญและกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวมากขึ้น แต่ก็ยังมีหลายมุมที่เราจะได้เห็นวิถีชีวิตของชาวม้งที่นี่ค่ะ ถึงแม้จะไม่ได้รับความประทับใจแบบครั้งแรกที่ได้มาเยือน แต่ก็เดินจากไปด้วยความรู้สึกดีๆนะ CatCatMap ไว้จุ๊จะนำภาพบรรยากาศหมู่บ้านกั๊ตกั๊ตกลางสายหมอกมาให้ชมกันแบบเต็มๆอีกที เมื่อไต่เขาลงเขาไปตามขั้นบันไดเรื่อยๆเป็นเวลากว่าสองชั่วโมง (เพราะแวะถ่ายรูปแต่ละจุดกันนานมาก) เมื่อข้ามผ่านสะพานแขวน Cat Cat Bridge จะมีรถมอเตอร์ไซด์รับจ้าง รอรับนักท่องเที่ยวกลับไปส่งยังตัวเมืองซาปา คราวนี้จุ๊ลองใช้บริการดูค่ะ เพราะเริ่มหมดแรง หิวข้าว และไม่ถนัดเดินขึ้นเขาเท่าไหร่ พี่วินมอเตอร์ไซด์ใจดี หลังจากตกลงราคาและบอกจุดส่งเรียบร้อยแล้ว ก็เกาะพี่เค้าแน่นๆเลยค่ะ พี่เค้าไม่ได้ซึ่งขนาดนั้น สบายไปเลยค่ะ ถ้าเดินกลับ…ตายแน่ๆ หลังทานอาหารเที่ยง ก็กลับไปเช็คอิน อาบน้ำอาบท่าที่โรงแรม พักผ่อนสักแป๊บ ก็ออกไปเดินเล่นต่อที่ทะเลสาบซาปา (Sapa Lake) จุ๊คิดว่าที่นี่เป็นสระน้ำขนาดใหญ่มากกว่าทะเลสาบนะ แต่อย่างไรก็ตามบรรยากาศตอนเย็นสวยมากค่ะ เงาตึกและเทือกเขาสูงเบื้องหลังสะท้อนเป็นเงาอยู่ในน้ำ จินตนาการว่าอยู่ยุโรปได้เลย ณ ชั่วขณะหนึ่ง จุ๊แอบคิดถึงเมืองอินส์บรูค ประเทศออสเตรีย แค่แอบเสียดายถ้าหากจัดเป็นสวนสารณะที่มีทางเดินหรือทางปั่นจักรยานรอบๆทะเลสาบ ที่นี่จะสวยงามแบบสมบูรณ์แบบเลย Sapa_015 Sapa_016 วันที่ 3 เดินเล่นหมู่บ้านม้ง ไม่ใกล้อย่างที่คิด แต่คิดไม่ผิดที่ได้ไป อย่างที่ได้บอกไว้ค่ะ การมาเยือนซาปาครั้งนี้จุ๊ไม่ได้วางแผนเลยว่าแต่ละวันจะไปไหน ทำอะไรบ้าง แถมยังบอกเพื่อนสาวร่วมชะตากรรมผู้คาดหวังว่าจุ๊จะเป็นไกด์ที่ดีไปว่า “ถ้าอากาศแย่ขนาดนั้น เราก็นอนเล่นกันที่โรงแรมละกันนะ” แต่โชคร้าย เอ้ย โชคดีที่อากาศไม่ได้แย่อย่างที่คิด แค่หนาวมากและหมอกลงจัดแค่นั้นเอง วันที่สองในซาปาพวกเราเลยอยากลองไปสถานที่ใหม่ๆที่ไม่เคยไป และไม่ค่อยมีคนไทยได้ไป โดยเส้นทางนี้ก็เกิดขึ้นจากความใจง่ายล้วนๆ เรื่องมีอยู่ว่า ระหว่างเดินไปบนถนนฟานซิปันมุ่งสู่หมู่บ้านกั๊ตกั๊ต ดันไปถูกชะตากับบริษัททัวร์แห่งหนึ่งเข้า แค่เห็นหน้าร้านก็เหมือนมีแรงดึงดูดให้เข้าไปข้างใน (ทั้งๆที่ซาปามีบริษัททัวร์มากมาย แต่ไม่เคยรู้สึกกับใครแบบนี้เลย) หันไปบอกกับเพื่อนว่า “ขอเข้าไปดูหน่อยนะ จะถามเรื่องปีนเขาฟานซิปันปีหน้า” เมื่อเข้าไปด้านใน ก็มีรอยยิ้มพิมพ์ใจของพนักงานสาวส่งมาให้อย่างอบอุ่น หลังสอบถามเรื่องปีนเขาฟานซิปัน จุ๊ก็ถามไปเล่นๆว่า มีที่ trekking แนะนำไหม ขอแบบเดินง่ายๆ ไม่โหด ไม่ไกล และไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวไป Loan พนักงานของบริษัท Vietnam Nomadtrials ที่พูดภาษาอังกฤษได้ดีมากๆ ก็แนะนำเส้นทาง trekking ต่างๆในซาปาและบริเวณใกล้เคียงอย่างละเอียด แล้วเราก็ตกลงปลงใจซื้อทัวร์กับเธอ เป็น One day trekking ไปยังหมู่บ้าน Suoi Ho, Ma Tra และ Ta Phin คนละ 30USD ซื้อทัวร์เสร็จแล้วเราก็ยังคุยเม้าท์มอยกันต่อกับเธอ ขอแนะนำบริษัทนี้เลยค่ะ บริการทุกระดับประทับใจตั้งแต่คนขายทัวร์ ไกด์ เจ้าของ และลูกเจ้าของ ประทับใจมากขนาดที่ว่าถ้าจุ๊กลับมาปีนเขาฟานซิปันปีหน้า จุ๊ก็จะไปกับพวกเขานี่แหละ

Sapa_017

เกริ่นมาตั้งนาน เช้าวันที่สาม ไกด์ก็มารับจุ๊กับเพื่อนที่โรงแรม เธอแต่งตัวแบบชาวเขาสวมทับเสื้อหนาวทันสมัย เอ่ยแนะนำตัวเองว่าชื่อ Lam ด้วยสำเนียงภาษาอังกฤษที่ทำเอาเราสองคนต้องสะดุ้ง คือเธอสำเนียงดีมากค่ะ แบบไม่เคยเจอคนเวียดนามสำเนียงดีขนาดนี้ Lam เล่าว่าเธออาศัยเรียนรู้จากนักท่องเที่ยวด้วยการเป็นไกด์มากว่า 6 ปีแล้ว นับถือเธอจริงๆ แล้วเธอก็พาพวกเราไปหารองเท้าบูทเพราะเส้นทางอาจจะมีโคลนเดินลำบาก จุ๊ “อ้าว ไหนว่าเส้นทางเดินสบายไง” Lam “เดินสบ๊าย แค่มีโคลนนิดหน่อย เดี๋ยวรองเท้าเธอนะเลอะ” เพื่อนจุ๊ “แล้วเดินไกลมั๊ย  ไม่ขึ้นเขาชันๆใช่ไหม” Lam ” ไม่ไกล แค่ 13 กิโลเมตร ส่วนใหญ่เป็นทางลง มีขึ้นนิดเดียว สบ๊าย” แล้วเราก็ได้เจอสภาพแบบนี้ค่ะ จนจุ๊โดนเพื่อนแซวว่า “ไหนแกว่า จะพามาเดินเล่นชิลชิล Sapa_018 ตั้งแต่ออกเดินมาจากตัวเมืองซาปา เราก็มีชาวม้งติดตามมาด้วยสองคน คุณป้ากับสาวสวยเสนอสินค้าทำมือออกมาขาย ปฏิเสธไปแล้วพวกเธอก็ยังเดินตามมาติดๆ ไม่พูดไม่จา คอยส่งยิ้มน้อยๆ ไม่รุกรานให้อึดอัดใจ ไกด์ของเราเลยบอกว่า พวกเขาเป็นชาวม้งจากหมู่บ้าน Suoi Ho ทุกๆเช้าพวกเธอจะเดินทางมาที่ตลาดซาปาเพื่อขายของที่ระลึกแก่นักท่องเที่ยว สายๆก็จะกลับมาที่หมู่บ้าน หากบังเอิญมีนักท่องเที่ยวกำลังไป trekking ที่หมู่บ้าน พวกเธอก็จะคอยเดินตามห่างๆ เผื่อว่าไปถึงแล้วนักท่องเที่ยวจะใจดีช่วยซื้อสินค้าบ้าง ได้ยินอย่างนั้นก็เลยเดินไปด้วยกันอย่างสบายใจขึ้น Sapa_019 แต่ในระหว่างทางที่ต้องเจอกับโคลน ทางแคบ ทางชัน เดินลำบาก ก็จะมีเธอสองคนคอยเป็นบอดี้การ์ดคอยคุ้มกันและยื่นมือมาช่วยพวกเราพร้อมรอยยิ้มหวานๆ เจอแบบนี้ถ้าเราจะไม่ช่วยอุดหนุนตอบแทนน้ำใจก็คงจะใจร้ายเกินไปหน่อย Sapa_020 ไม่นานนัก เราก็เดินมาถึงหมู่บ้าน Suoi Ho เป็นหมู่บ้านเล็กๆของชาวม้ง ที่มีบ้นหลังน้อยๆหลังคามุงจากกระจายกันอยู่บนเชิงเขา ห่างจากตัวเมืองซาปาประมาณ 4 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 2 ชั่วโมงด้วยความเร็วแบบชิลๆ ที่หมู่บ้าน เราจะได้เห็นเด็กๆวิ่งเล่น ผู้ใหญ่ทำงาน เลื่อยไม้บ้าง ให้อาหารสัตว์เลี้ยงบ้าง หมู หมา เป็ด ไก่ ตามวิถีชีวิตแสนเรียบง่าย Sapa_021 ที่นี่ยังมีนาขั้นบันไดโดยรอบ แต่การมาเยือนที่นี่หน้าหนาว เราก็จะได้เห็นเพียงทุ่งนาแห้งๆ ลองจินตนาการว่าถ้าได้มาชมฤดูทำนา จะสวยงามมากๆเลย บ้านหลังโตๆที่เห็นในภาพด้านล่าง เป็นบ้านริมถนนใหญ่เส้นทางจากลาวไกสู่ซาปานะคะ จุ๊ถ่ายภาพย้อนกลับไปให้เห็นขุนเขาอลังการที่รายล้อมหมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้ Sapa_023-1 เนื่องจากเป็นวันจันทร์ เลยได้มีโอกาสเห็นบรรยากาศโรงเรียนประถมศึกษาประจำหมู่บ้าน โรงเรียนขนาดเล็กที่มี่อาคารไม้หลังเล็กเพียงสองหลัง มีครูเพียง 3 คนที่ต้องดูแลเด็กๆถึง 40 คนเลยค่ะ Sapa_022 ตอนที่จุ๊เดินไปถึง คุณครูกำลังตักซุปให้กับเด็กๆเป็นอาหารกลางวันอยู่พอดีค่ะ Lam เล่าให้ฟังว่า เด็กๆต้องนำข้าวมาเองจากที่บ้าน ซึ่งที่บ้านของน้องๆมีอาชีพทำนาเป็นหลัก แล้วคุณครูจะทำกับข้าวง่ายๆให้ทุกวัน แต่สาวน้อยสองคนนี้ไม่มีข้าว คุณครูก็ต้องช่วยกันหาข้าวมาให้น้องๆได้ทาน Sapa_044 เห็นอาหารที่น้องๆทานแล้ว ก็แอบสะท้อนใจถึงอาหารการกินที่หรูหราที่เพิ่งทานมาเมื่อวาน เลยช่วยบริจาคเงินให้ทางโรงเรียนไปตามกำลังค่ะ

Sapa_042

เมื่อเดินมาสุดหมู่บ้าน Suoi Ho คุณป้าและน้องสาวชาวม้งก็ส่งสัญญาณมาบอกว่า ถึงบ้านเธอแล้วนะ ขอจากลากันตรงนี้ ช่วยซื้อของหน่อยได้ไหม พวกเราเลยเลือกซื้อกระเป๋าทำมือมาคนละใบ ยอมรับว่าราคาค่อนข้างแพงเมื่อเทียบกับคุณภาพของงานใกล้เคียงกันที่ภาคเหนือของไทย แต่ถือว่าเป็นการตอบแทนน้ำใจที่พวกเธอคอยช่วยพยุงเป็นบอดี้การ์ดและไม่ได้ตื้อจนเกิดความรู้สึกรำคาญใจ คุณป้ายังใจดีผูกข้อมือให้พวกเรากันคนละเส้นเป็นการให้พรด้วยค่ะ Sapa_043 ก่อนจะโบกมือลาจากกัน ก็ขอถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกับคุณป้าและน้องสาวซะหน่อย ภาพนี้ Lam เป็นคนถ่ายให้ แถมบ่นว่า Your camera is so heavy ภาพเลยออกมาเอียงๆแบบนี้แหละค่ะ 🙂 Sapa_024-1 หมู่บ้าน Suoi Ho และ Ma Tra เป็นหมู่บ้านม้งค่ะ (Hmong) การแต่งกายของชาวม้งก็จะมีเอกลักษณ์เพราะมีสีสันสดใส สังเกตได้จากผ้าโพกศีรษะที่ใช้ผ้าหลากสี หน้าตาผิวพรรณดี แนวหมวยๆน่ารักๆ คล้ายกับชาวม้งที่ภาคเหนือของไทยค่ะ ชาวม้งเป็นประชากรส่วนใหญ่ของพื้นที่ทางภาคเหนือของเวียดนามและในซาปา ลองดูสิคะ คุณป้าท่านนี้อายุ 70ปีแล้ว ยังผิวดีและแข็งแรงมากๆอยู่เลย Sapa_025-1 เดินต่อจากหมู่บ้าน Suoi Ho เราก็จะเข้าสู่หมู่บ้าน Ma Tra ค่ะ ที่นี่จะมีถนนที่รถจักรยานยนต์สามารถสัญจรได้ เราก็จะเดินกันไปบนถนนของหมู่บ้านเส้นนี้แหละ โดยต้องจ่ายค่าเข้าชมหมู่บ้าน Ma Tra – Ta Phin คนละ 40,000VND แต่ถ้ามากับทัวร์ก็จะรวมอยู่มนแพคเกจแล้วค่ะ Sapa_026 Sapa_028 ที่หมู่บ้าน Ma Tra จะเจอเด็กๆเยอะมาก เพราะคนที่นี่แต่งงานเร็วและมีลูกดก เห็นเด็กๆที่นี่มีความสุขกันง่ายๆ ของเล่นตามธรรมชาติ หิน ดิน ทราย ต้นไม้ ก็ทำให้พวกเขามีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะได้ไม่ยาก ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเทคโนโลยี ไม่หน้าดำคร่ำเครียดจ้องหน้าจอไอแพดแบบเด็กในเมืองที่เคยเห็นอย่างคุ้นตา Sapa_027 การเดินผ่านหมู่บ้าน Ma Tra จะเป็นการเดินขึ้นเขาเป็นส่วนใหญ่ ถึงแม้ทางจะไม่ชันนัก แต่การเดินผ่านอากาศหนาวแต่โดนแสงอาทิตย์ตรงๆในเวลาตอนเที่ยง ก็ทำให้หมดแรงและพลังงานได้เร็วมากเลยค่ะ หันไปเห็นพี่สาวเพื่อนสนิทก้าวเท้าอย่างช้าๆ ก็แอบรู้สึกผิดในใจที่พาพี่มาลำบาก แต่พี่สาวก็น่ารักไม่บ่น แถมยังปลอบใจว่า “สวยนะ แต่เหนื่อยมาก แต่ถ้าไม่มากับแก ชั้นคงไม่ได้มาเจออะไรแบบนี้” เอ๊ะ หรือว่าประชด ฮ่าา แล้วเราก็ได้บทเรียนร่วมกันว่า อย่าประมาท อย่าหลงเชื่อชาวบ้าน เพราะเส้นทางสั้นๆง่ายๆของเขากับของเราไม่เหมือนกัน โดนเข้าให้แล้ว…กิโลม้งSapa_028 Sapa_031 เดินมาสักพัก เราก็ต้องแวะร้านค้าของหมู่บ้าน เพื่อนั่งพัก เข้าห้องน้ำ เติมน้ำตาลให้ร่างกายด้วยน้ำอัดลม ที่หมู่บ้านนี้ นอกจากมีนาขั้นบันไดแล้ว ยังปลูกผัก และเลี้ยงปลาแซลมอนส่งขายในตัวเมืองซาปาด้วยค่ะ Sapa_045 Sapa_032 เมื่อพระอาทิตย์เริ่มส่องแสงตรงกับศีรษะ พลังกายและพลังเท้าของเราก็เริ่มอ่อนล้า ก้าวของเราเริ่มช้าลงๆ ท้องก็เริ่มส่งเสียงร้องครวญคราง มองไปสองข้างทางไม่มีวี่แววว่าเราจะแวะทานอาหารที่ไหนได้เลย Lam ออกปากบ่นทีเล่นที่จริงแบบขำๆว่า “เธอสองคนเดินช้าจัง รีบเดินหน่อย ฉันเริ่มหิวแล้ว หิวจนจะกินเธอทั้งตัวได้แล้วนะ” ฮ่าาาา ไหนบอกเดินช้า ไม่ต้องรีบไง ทำไมถึงมาเร่งตอนนี้ แล้วเธอก็รีบเดินนำพวกเราไป สงสัยจะหิวมากจริงๆ Sapa_030 Sapa_033 กว่าพวกเราจะมาถึงจุดแวะทานข้าวเที่ยง ก็เลยเที่ยงไปนานแล้วค่ะ ที่นี่เป็นร้านขายของชำของที่ใหญ่ที่สุดในหมู่บ้าน และเพิ่มบริการอาหารเที่ยงให้กับบริษัททัวร์ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็จะแวะทานอาหารกันที่นี่ Sapa_034 ข้าวสวยร้อนๆ เสิร์ฟพร้อมกับข้าวอีกสองสามอย่าง และผลไม้ นี่รวมอยู่ในแพคเกจทัวร์แล้วค่ะ นอกเสียจากเราจะสั่งขนมหรือเครื่องดื่มประเภทน้ำอัดลมเพิ่มเติม ปล. สาวสวยในภาพไม่รวมอยู่ในแพคเกจนะ อิอิ อาหารใช้ได้เลยค่ะ รสชาตอาจจะจืดไปนิดสำหรับคนไทย แต่ข้าวสวยร้อนๆตอนหิวจัดๆนี่ก็ช่วยให้มีชีวิตชีวาขึ้นมาเยอะเลย Sapa_035 หลังเติมน้ำมัน เอ้ย เติมพลังกันเรียบร้อยแล้ว เราก็ต้องเร่งออกเดินกันต่อไปยังหมู่บ้าน Ta Phin ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทาง ห่างจากจุดนี้ไปอีกประมาณ 4 กิโลเมตร โดยที่รถตู้ของบริษัทจะมารอรับเราอยู่ที่นั่น เนื่องจากเราทำเวลาเดินช้ามาก เมื่อเทียบกับนักเดินกลุ่มอื่น เลยไม่มีเวลาเถลไถลถ่ายภาพอยู่นาน Sapa_036 เดินทางมาถึงหมู่บ้าน Ta Phin ประมาณบ่ายสามโมงครึ่งค่ะ หมู่บ้านนี้มีขนาดใหญ่กว่าอีกสองหมู่บ้านที่ผ่านมา บ้านหลังเล็กหลังน้อยกระจุกตัวกันหนาแน่น ถนนใหญ่ขึ้นแบบที่รถยนต์เข้าถึง สวนผักก็มีขนาดใหญ่ มีตลาดที่มีที่พักแบบโฮมเสตย์และมีนักท่องเที่ยวมาเยือนจำนวนมากกว่า เพราะสามารถนั่งรถยนต์มาเที่ยวที่นี่ได้เลย ไม่ต้องเดินมาแบบพวกเรา ถึงแม้จะเหนื่อยมากๆ แต่จุ๊ก็ยังยืนยันว่า เดินมาแบบนี้ ฟินกว่าเยอะนะคะ Sapa_037 หมู่บ้าน Ta Phin เป็นหมู่บ้านของชาวเขาเผ่าม้งและเย้าแดงอาศัยอยู่ร่วมกัน แต่ในบริเวณตัวตลาดเราจะเห็นชาวเย้าแดงคอยให้บริการนักท่องเที่ยวจำนวนมากกว่า โดยชาวเย้าแดง (Red Dzao) จะสวมชุดสีดำและผ้าคลุมผมสีแดงค่ะ บางคนใช้ผ้าคลุมผลสีแดงขอบขาว มองผ่านๆคล้ายๆแซนตาครอสเลย น่ารักดี Sapa_038 Sapa_039 รถตู้คันเล็กของบริษัททัวร์มาจอดรอรับเราอยู่ที่ตลาดค่ะ เจ้าของบริษัทขับรถมาเองเลย สองสามีภรรยาน่ารักเป็นกันเองมากๆ มีลูกชายและลูกสาวมาด้วย สงสัยเพิ่งไปรับกลับมาจากโรงแรม หนุ่มน้อยเขิลอายไม่ค่อยพูดด้วย แต่สาวน้อยคุยเก่ง เธอคุยภาษาอังกฤษกับพวกเราคล่องแล่วเป็นมิตร เป็นการปิดทริปที่ประทับใจมากๆ Sapa_040 เมื่อกลับมาถึงเมืองซาปา พวกเราก็ให้รางวัลตัวเองด้วยการไปนวดผ่อนคลายและทานอาหารที่ร้านดังสุดติสท์ The Hill Station อาหารอร่อย ร้านสวยมากค่ะ ก่อนจะเดินกลับไปพักผ่อนที่โรงแรม มาถึงตอนนี้ก็แอบบ่นกันนิดๆ เพราะต้องเดินขึ้นทางชันกลับโรงแรมกันอีก รวมวันนี้เดินกันกว่า 14 กิโลเมตร เหนื่อยแต่คุ้มค่าจริงๆค่ะ วันที่ 4 ชมวิวมุมสูง ก่อนเดินทางกลับฮานอยผ่าน Sapa Highway ที่เพิ่งเปิดใหม่สดๆร้อนๆ วันนี้เรามีเวลาเที่ยวในซาปากันอีกครึ่งวัน ก่อนที่จะเดินทางกลับฮานอยในตอนบ่าย เรากางแผนที่กันดูว่า สามารถไปไหนได้บ้าง น้ำตกซิลเวอร์ (Silver waterfall), นำ้ตกแห่งรัก (Love waterfall) อันโด่งดัง โดนขีดฆ่าไปเพราะช่วงหน้าหนาว น้ำน้อย น้ำตกไม่สวย หมู่บ้าน Ta Van นักท่องเที่ยวเยอะ ต้องเดินเยอะ (พี่สาวบอก ไม่ไหวแล้ว) จุ๊เคยไปแล้ว เลยตัดออกไป ปรึกษา Loan กับ Lam เพราะคุยกันถูกคอและประทับใจในบริการ โดยให้โจทย์ไปว่า ครึ่งวัน วิวสวย เดินนิดเดียว ทั้งสองคนเลยแนะนำให้นั่งรถขึ้นไปชมวิวมุมสูงบนภูเขา Sau Chua มีรถพาขึ้นไปบนยอดเขาที่ระดับความสูงถึง 2900 เมตรจากระดับน้ำทะเล ถ้าโชคดีหมอกไม่หนา เราก็จะได้เห็นวิวนาขั้นบันไดของหมู่บ้าน Ta Van และ Lao Chai กันแบบพาโนรามาเลยทีเดียว ตกลงราคากันที่ 35USD เพราะมีคนขับรถให้ พร้อม Lam ไกด์คนเดิม และไปกันแค่สองคน (private tour) Lam มารับที่โรงแรมตอนเก้าโมงเช้า รถตู้คันเล็กขับพาออกไปนอกเมืองซาปาแล้วเลี้ยวขึ้นถนนเส้นเล็กค่อยๆไต่ขึ้นเขาผ่านหมู่บ้านเล็กๆไปเรื่อยๆ  วิวสองข้างทางสวย แต่หมอกจัดแทบจะมองไม่เห็น ถ่ายภาพได้ไม่ชัด Sapa_046 เมื่อมาถึงหมู่บ้านม้ง Sua Chua ไกด์สาวช่างคุยของเราก็เอ่ยปากชวนให้แวะเข้าไปชมบ้านชาวเขา ซึ่งเป็นบ้านเพื่อนของเธอ พวกเราจะได้เห็นชีวิตการเป็นอยู่ของคนที่นี่ แอบรู้สึกเกรงใจ แต่โอกาสดีๆแบบนี้จะปฏิเสธก็กะไร เมื่อมาถึงเราก็เจอเด็กน้อยสองคนกำลังเล่นอยู่หน้าบ้าน ตัวบ้านมองจากภายนอกไม่ได้ใหญ่โตอะไร แต่ Lam บอกว่า ครอบครัวนี้จัดว่ามีฐานะดีในหมู่บ้านนี้เลยทีเดียว Sapa_047 Sapa_048 เมื่อเข้ามาในบริเวณบ้าน เราก็ได้พบเจ้าของบ้านกำลังนั่งรวมกันอยู่รอบกองไฟเพื่อคลายความหนาว คุณลุงนั่งสูบยา คุณป้าและลูกสาวนั่งปักผ้าอยู่ใกล้ๆ ถึงแม้เราจะมีกำแพงภาษาในการเอ่ยคำต้อนรับ แต่รอยยิ้มจริงใจที่ส่งมา ก็ทำให้รับรู้ได้ว่าเจ้าของบ้านยินดีต้อนรับแขกผู้มาเยือนด้วยความเต็มใจ Sapa_049 Lam พาพวกเราเดินสำรวจบ้านและทักทายลูกสาวอีกคนที่กำลังซักผ้าอยู่ด้านหลังบ้าน พร้อมอุ้มลูกน้อยอยู่ด้านหลัง เชื่อแล้วว่า สาวเวียดนามทำงานหนักจริงๆ Sapa_050 ภายในตัวบ้านขนาดไม่ใหญ่เลยสำหรับการอาศัยอยู่ร่วมกันเกือบสิบชีวิต ในตัวบ้านค่อนข้างมืดเพราะไฟฟ้ามีให้ใช้ในปริมาณจำกัด ด้านหลังบ้านเป็นทั้งครัวและบริเวณซักล้าง ห้องนอนเล็กที่ไม่มีผ้าห่ม ชั้นลอยสำหรับเก็บของและเป็นที่นอนของคุณลุง พื้นที่ส่วนใหญ่ของบ้านใช้เป็นลานเอนกประสงค์สำหรับครอบครัว โทรทัศน์รุ่นเก่าเครื่องเล็กน่าจะเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าทันสมัยสิ่งเดียวของครอบครัว Sapa_051 Sapa_052 Sapa_053 หลังจากพาเดินสำรวจและอธิบายวิถีชีวิตของชาวบ้านที่นี่ให้พวกเราฟังแล้ว Lam ก็เดินกลับไปนั่งผิงไฟพูดคุยกับเจ้าของบ้าน พวกเราเลยตีเนียนไปนั่งผิงไฟคลายหนาวกับพวกเขาด้วย Sapa_054 Sapa_055 ถึงแม้จะฟังบทสนทนาไม่รู้เรื่อง แต่ก็รับรู้ได้ถึงมิตรภาพและความเป็นกันเองของคนที่นี่ ผ่านรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของพวกเรา แขกอย่างเราก็พลอยมีความสุขไปด้วย ไม่มีโซฟานุ่มๆ ไม่มีฮีตเตอร์อุ่นๆ แต่บรรยากาศในบ้านช่างอบอุ่นยิ่งนัก เราสองคนหันมาพูดกันว่า “เขาไม่มีเยอะ แต่เขาดูมีความสุขมากกว่าเราอีกนะ ” และเมื่อนั่งเพ่งมองการปักผ้า ก็ได้เห็นถึงความละเอียดและความอดทนของคนปัก  ซึ่งพวกเขากำลังเตรียมตัดเย็บชุดใหม่สำหรับวันปีใหม่ของพวกเขาในปีหน้า ต้องเตรียมกันนานๆเลยล่ะค่ะกว่าจะได้สักชุดหนึ่ง Sapa_057 หลังบอกลาเจ้าของบ้านผู้ใจดี รถตู้ก็พาพวกเราฝ่าหมอกขึ้นไปยังยอดเขา Sau Chua วิวหมู่บ้านและนาขั้นบันไดสองข้างทางสวยมาก แต่ก็ยากเกินกว่าจะเก็บภาพสวยๆผ่านหมอกมาให้ชมได้ เพื่อนๆต้องไปชมกันเองแล้วล่ะ เพราะวิวจริงสวยกว่าที่จุ๊สามารถเก็บภาพมาฝากเยอะเลยค่ะ มื่อถึงหมู่บ้านด้านบน ก็ออกเดินไปตามถนนเล็กๆริมเขา ผ่านหมู่บ้านไปยังจุดชมวิวพาโนรามาที่ Lam คุยนักคุยหนาว่าสุดยอดแห่งจุดชมวิวในซาปา Sapa_058 Sapa_059 Sapa_060 Sapa_061 หลังจากเดินมาได้ประมาณสองกิโลเมตร เราก็ได้เจอจุดชมวิวโล่งกว้างริมเขา วิวสวยจริงอะไรจริงสมคำกล่าวอ้างค่ะ สามารถมองลงไปเห็นหมู่บ้านเบื้องล่าง และเงาเทือกเขาฟานซิปันที่เอียงอายซ่อนตัวอยู่หลังม่านหมอก เราโชคไม่ดีเองที่มาในวันที่หมอกหนาจัด จุ๊เอ่ยปากกับ Lam ว่าจะกลับมาพิชิตยอดเขาฟานซิปันปีหน้า และเธอก็ต้องพาจุ๊ไปชมนาขั้นบันไดเขียวๆ พักโฮมเสตย์ เธอรับปากแค่จะพาไปโฮมเสตย์ พร้อมบอกว่า ชั้นไม่ขึ้นไปปีนเขากับเธอหรอก ชั้นรออยู่ด้านล่างกับเพื่อนเธอ เธอมัน Crazy ฮ่าาาา นี่คือคำสัญญาในม่านหมอก Sapa_062 ณ จุดชมวิวแห่งนี้ หากมองลงไปเเบื้องล่างทางฝั่งซ้ายมือ เราจะได้เห็นวิวนาขั้นบันไดที่สวยงามมากๆของหมู่บ้าน Ta Van ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมในการไปเทรคกิ้งค่ะ จุ๊เคยไปที่นั่นเมื่อสิบกว่าปีก่อน ยังจำภาพนาขั้นบันไดสีเขียวสดได้ติดตา วันนี้ Ta Van คราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวไม่ต่างจากหมู่บ้านกั๊ตกั๊ต เพราะการเดินทางจากซาปาสะดวกมาก เส้นทางเทรคกิ้งก็ไม่ลำบากจนเกินไป หากใครสนใจที่นี่ก็ลองไปเที่ยวชมกันได้นะคะ Sapa_063 Sapa_066 ส่วนวิวด้านล่างทางฝั่งขวา จะเป็นหมู่บ้าน Lao Chai อีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวสำคัญใกล้ซาปาค่ะ ที่นี่มีลำธารที่เรียกกันว่า Flower river ตัดผ่านหมู่บ้าน มีเส้นทางเทรคกิ้งเที่ยวชมหมู่บ้านเช่นเดียวกัน นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักซื้อแพคเกจทัวร์ One day trek โดยเริ่มต้นจากหมู่บ้าน Lao Chai ไปสิ้นสุดที่หมู่บ้าน Ta Van ค่ะ แต่เส้นทางนี้จะมีนักท่องเที่ยวเยอะกว่าเส้นทางหมู่บ้าน Ma Tra-Ta Phin ที่จุ๊ไปมา Sapa_065 หลังจากชื่นชมภาพความงามหลังม่านหมอก สูดอากาศบริสุทธิ์จนเต็มปอด ก็ถึงเวลาเดินกลับมายังหมู่บ้านที่รถตู้จอดรออยู่ค่ะ ที่นี่จะมีร้านค้าเล็กๆที่มีที่นั่งจิบชากาแฟอยู่ด้านนอก บรรยากาศดีเชียวเลยขอนั่งจิบกาแฟเวียดสักแก้ว มองเด็กๆแถวนั้นวิ่งเล่นและสุดท้ายก็ต้องช่วยซื้อของเล็กๆน้อยๆกันไป ก่อนบอกลา Sua Chau กลับไปทานอาหารเที่ยงที่เมืองซาปา Sapa_067 Sapa_068 Sapa_069 Sapa_070 หลังจากกลับมาถึงตัวเมืองซาปา เรามีเวลาอีกประมาณ 3 ชั่วโมงก่อนที่จะต้องเดินทางกลับเมืองฮานอยค่ะ ใช้เวลาเดินเล่น ส่งโปสการ์ด ไปนวด (อีกสักรอบ) ทานอาหารอร่อยๆแบบชิลล์ๆ IMG_1251-1IMG_1249-1 แผนที่เส้นทางท่องเที่ยวรอบๆเมืองซาปาค่ะ Sapa Map การเดินทางกลับสู่ฮานอย นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเลือกเดินทางกลับรถไฟตู้นอนแบบเดียวกับที่มาจากฮานอยค่ะ โดยรถไฟจะออกจากเมืองลาวไกตอนเย็นและไปถึงฮานอยเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น แต่เนื่องจากจุ๊และเพื่อนจองตั๋วเครื่องบินไว้เป็นเที่ยวเช้าวันถัดไป เลยเกรงว่าหากเดินทางโดยรถไฟจะกระทันหันเกินไป เพราะเร่งเดินทางจากสถานีรถไฟไปยังสนามบินและเผื่อรถไฟมีปัญหา เมื่อได้ยินว่าตอนนี้ถนนไฮท์เวย์สายฮานอย-ซาปาได้เปิดให้ใช้บริการแล้วเมื่อเดือนก่อน ทำให้ล่นระยะเวลาการเดินทางของรสบัสเหลือแค่ 5 ชั่วโมงเท่านั้น พวกเราเลยลองเปลี่ยนบรรยากาศนั่งรถบัสจากซาปากลับมาฮานอย โดยใช้บริการรถบัสของบริษัท Sapa Express ค่ะ หลังจากจองตั๋วออนไลน์ไว้ เราก็ได้ไปรับตั๋วไว้แล้วที่บริษัทสาขาฮานอยตั้งแต่ในวันที่มาถึงฮานอย ทำการนัดหมายให้มารับที่โรงแรมในซาปา ก่อนจะมาขึ้นรถ ซึ่งออฟฟิศของ Sapa Express Bus จะอยู่ต้นถนนฟาซิปันเลยค่ะ รถจะจอดรออยู่ที่ลานจอดรถตรงข้ามบริษัทเลย เราสามารถมาขึ้นได้ที่นี่เลย หรือจะนัดให้ไปรับที่โรงแรมก็ได้ รถออกเวลาบ่าย 4 โมงตรง รถใหม่ เบาะกว้าง นั่งสบาย พนักงานบริการดีมากค่ะ Sapa_071 Sapa_072 Sapa_073 โดยรถใช้เวลาเดินทางประมาณ 5-6 ชั่วโมง ก่อนค่ำ วิวข้างทางสวยมาก แต่เนื่องจากหน้าหนาวจะค่ำไว เราเลยได้เห็นวิวสวยๆแค่แป๊บเดียว และจะมีการจอดรถสองครั้ง ครั้งแรกจะจอดประมาณ 10 นาทีให้เข้าห้องน้ำค่ะ จุดจอดตรงนี้ยังสร้างไม่เรียบร้อย แต่คิดว่าไม่นานจะพัฒนาจนสมบูรณ์แบบ จุดจอดที่สองประมาณ 30 นาที มีห้องน้ำ ร้านอาหารให้บริการ เป็นอาหารง่ายๆ ประเภทเฝอ หรือข้าวราดแกงค่ะ 10917320_339069809621502_1671906678718036036_n เรามาถึงฮานอยกันเกือบสี่ทุ่ม พนักงานรถบัสช่วยหารถแท๊กซี่ให้ไปส่งพวกเราที่โรงแรมที่จองไว้ เรานอนพักผ่อนกันที่โรงแรมในฮานอยเป็นการพักผ่อนคืนสุดท้ายที่นี่ สำหรับเพื่อนๆที่สนใจอยากลองเปลี่ยนบรรยากาศนั่งรถบัสสายฮานอย – ซาปา ที่มีบริการทั้งเที่ยวไปและเที่ยวกลับค่ะ โดยเข้าไปจองตั๋วได้จากเว็บไซต์ http://sapaexpress.com/en/bus-sapa เมื่อทำการจองตั๋วแล้ว พนักงานจะส่งอีเมลล์มายืนยันและนัดให้เราไปรับตั๋วสำนักงานที่ฮานอยหรือซาปาตามสะดวกค่ะ หากเดินทางจากฮานอย รถจะออกเวลา 7.00 ใช้เวลา 5 ชั่วโมง หากเดินทางจากซาปา รถจะออกเวลา 16.00 ใช้เวลา 5 ชั่วโมง เช่นกัน ค่ารถประมาณ 18 USD ต่อเที่ยวต่อคน (ถูกกว่ารถไฟกว่าครึ่งหนึ่ง อาจจะนอนไม่สบายเท่ารถไฟ ไม่สะดวกในการเข้าห้องน้ำเท่ารถไฟ แต่ได้ความสะดวกที่เดินทางจากฮานอยถึงซาปาเลย ไม่ต้องมาขึ้นที่ลาวไก รถขับดี ถนนดี ค่อนข้างปลอดภัยค่ะ) วันที่ 5 บอกลาฮานอย  วันสุดท้าย พวกเราอิดออยบอกลาฮานอยตั้งแต่เช้าตรู่ เพราะจองตั๋วเครื่องบินกลับเป็นเที่ยวเช้า ให้เจ้าหน้าที่โรงแรมจองแท๊กซี่ไว้ให้ ทางโรงแรมแพคอาหารเช้าใส่กล่องให้ไปทานที่สนามบินด้วย แล้วก็ถึงเวลาที่จุ๊และเพื่อนต้องบอกลากันที่สนามบินเช่นกัน เพราะจุ๊เดินทางกลับสิงคโปร์ ในขณะที่เพื่อนกลับกรุงเทพฯ เวลา (ไม่เต็ม) 5 วัน ดูเหมือนจะสั้น แต่พวกเราก็ได้รับความสนุก ตื่นเต้น ประทับใจ และมีความสุขมาก ซึ่งการเดินทางของจุ๊ในครั้งนี้จะไม่สมบูรณืแบบเลย ถ้าขาดเพื่อนร่วมทางเหล่านี้ Loan พนักงานสาวของบริษัท Vietnam Nomatrails ที่น่ารัก ให้ข้อมูลและบริการดีมาก จนวันนี้เราก็ยังทักทายกันทางเฟสบุ๊คเป็นระยะๆ 10931334_338261223035694_5403070131037783703_n Lam ไกด์สาวของบริษัท Vietnam Nomatrails ที่ทั้งเก่งและฮา เธอมาเพิ่มสีสันให้การเดินทางของเราจริงๆ แต่อย่าไปเชื่อเธอจนหมดใจ ระยะทางใกล้ของเธอ…ไกลกว่าที่เราคิด IMG_1220-11521519_338929109635572_4772884908302682501_n

และที่ขาดไม่ได้ คือ พี่เจแปน ผู้ที่เป็นทั้งเพื่อนร่วมงาน พี่สาว และเพื่อนสนิท ขอบคุณที่คอยเตือนสติเวลาจุ๊จะทำอะไรบ้าบิ่น (ถึงแม้จุ๊จะฟังแต่ไม่ค่อยทำตาม) ขอบคุณที่ให้จุ๊ไปเป็นไกด์และจัดทัวร์แบบตามใจจุ๊ ขอบคุณที่ยอมไปลุยด้วยกัน ทั้งๆที่ปกติเธอจะชอบเที่ยวสบาย ขอบคุณที่อยู่ข้างกันเสมอ

Sapa_074

การเดินทาง…นอกจากจะทำให้เราได้เรียนรู้และประสบการณ์ใหม่ๆ การเดินทางยังช่วยเสริมมิตรภาพ และหากเราเปิดใจ เราก็จะได้เพื่อนใหม่ๆดีๆเข้ามาในชีวิตค่ะ

ลองออกเดินทาง เพราะเรื่องเล่าที่ได้ฟัง คงไม่เท่า ประสบการณ์ที่ออกไปสัมผัสเองนะคะ

ขอบคุณที่ติดตามค่ะ

36 thoughts on “เที่ยวไปตามใจฉัน…5 วันการเดินทางสู่ซาปาเมืองในหมอก

  1. เพียงเรื่องแรก ที่ได้เข้ามาเยี่ยมชม ทำความรู้จัก และติดตาม ก็ขอชื่นชมด้วยใจจริง
    – ถ้าผมสามารถฝากอายุกับธนาคารธรรมชาติได้สัก ๔๐ ปี คุณจุ๊จะต้องมีเพื่อนที่มีความชอบเช่นนี้เพิ่มอีกคนหนึ่งแน่นอน
    – ทำให้ผมนึกได้ว่า เมื่อ ๔ – ๕ ปีมาแล้ว ผมมีโอกาสได้ทำความรู้จักกับคุณหมอท่านหนึ่ง ชอบการเดินทางเป็นชีวิตจิตใจเหมือนคุณจุ๊ ว่างจากงานไม่ได้ เป็นได้ไปลุยเช่นนี้เป็นประจำ เป็นผลให้คุณหมอได้อนุเคราะห์มี DND มาฝากผมสะสมพอสมควรทีเดียว ระยะหลัง ๆ มานี้ หายเงียบไป ไม่ทราบว่ามีภาระในหน้าที่การงาน ไม่มีเวลาเดินทาง หรือลืมการสะสมของผมเสียแล้ว หรือด้วยเหตุอื่นใด ที่ผมไม่ทราบ
    – มีหลายคำ หลายประโยค ที่ผมชอบ เพราะโดนใจ เป็นต้นว่า (๑) ไม่ใกล้อย่างที่คิด แต่คิดไม่ผิดที่ได้ไป, (๒) แอบรู้สึกเกรงใจ แต่โอกาสดีๆแบบนี้จะปฏิเสธก็กะไร, (๓) อย่าไปเชื่อเธอจนหมดใจ ระยะทางใกล้ของเธอ…ไกลกว่าที่เราคิด, (๔) การเดินทาง…นอกจากจะทำให้เราได้เรียนรู้และประสบการณ์ใหม่ๆ การเดินทางยังช่วยเสริมมิตรภาพ และหากเราเปิดใจ เราก็จะได้เพื่อนใหม่ๆดีๆเข้ามาในชีวิตค่ะ, (๕) เรื่องเล่าที่ได้ฟัง คงไม่เท่า ประสบการณ์ที่ออกไปสัมผัสเอง

    ไม่เพียงแต่เท่านั้น ถ้าคุณจุ๊เป็นสมาชิกของกลุ่ม REST ROOM กับกลุ่ม LOVELY SIGNS เหมือนผม คุณจุ๊จะมีภาพมาแชร์กลุ่มได้ในแต่ละทริปไม่น้อยเลย (ในทริปนี้ เมนูร้านอาหาร สามารถแชร์ในกลุ่ม LOVELY SIGNS ได้ทันที!)

    ขอเพียงนี้ก่อน เพราะเป็น comment ที่ยาวมากเกินไปแล้ว

    Like

    1. ขอบคุณสำหรับ comment ดีๆ เป็นประโยชน์และเกิดแรงบันดาลใจมากมายเลยค่ะ
      จุ๊สนใจเข้ากลุ่ม REST ROOM กับกลุ่ม LOVELY SIGNS ไม่ทราบว่าต้องทำอย่างไรคะ เป็นกลุ่มในเฟสบุ๊คหรืออย่างไร รบกวนแนะนำด้วยนะคะ

      Like

      1. เป็นกลุ่มเปิดทั้ง ๒ กลุ่ม น่าจะเข้าไป join ได้เลยครับ

        Liked by 1 person

  2. รถบัสสายฮานอย – ซาปา จองตั๋วได้จากเว็บไซต์ http://sapaexpress.com/en/bus-sapa นี้ เมื่อทำการจองตั๋วแล้ว พนักงานจะส่งอีเมลล์มายืนยันและนัดให้เราไปรับตั๋วสำนักงานที่ฮานอยหรือซาปาตามสะดวก

    รบกวนสอบถามครับ การจองตั๋วต้องจ่ายค่าตั๋วไปครึ่งหนึ่งก่อนหรือจายเต็มราคาไปเลยครับ จ่ายผ่านบัตรเครดิตได้ไหมครับ

    Like

    1. ขอโทษที่ตอบช้านะคะ เพิ่งมาเห็นแจ้งเตือน ตอนจองตั๋วออนไลน์สามารถจ่ายผ่านบัตรเครดิตได้ค่ะ จ่ายครึ่งราคา แล้วเค้าจะส่งอีเมลล์มานัดรับตั๋วที่สถานีรถไฟประมาณหนึ่งชั่วโมงก่อนเวลาเดินทาง แล้วเราก็จ่ายส่วนที่เหลือให้กับพนักงานค่ะ

      Like

  3. ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีดีอย่างนี้ อ่านแล้วทำให้มั่นใจที่จะเดินทางไปเองได้เลยครับ.ข้อมูลระเอียดดีมากๆครับ

    Like

  4. กำลังจะไปเที่ยวตามนี้เลยค่ะ ธันวานี้ ขอบคุณข้อมูลดีๆนะคะ แต่รถบัสจากซาปาไปฮานอยจ่ายเต็มจำนวนไปเลยค่ะ และเขาบอกว่าใช้ e-ticket ได้เลย ส่วนรถไฟนอนจากฮานอยไปซาปา จ่่าย 50% แต่ไม่เห็นส่งเมล์กลับมาเลย อาจล่าช้าก็เป็นไปได้ค่ะ ^___^

    Like

    1. ยินดีมากค่ะ ดีใจที่ข้อมูลเป็นประโยชน์นะคะ ถ้ายังไม่ได้รับการติดต่อนัดรับตั๋วรถไฟ ลองโทรหรืออีเมลล์ไปถามเค้าหน่อยก็ดีนะคะ ขอให้เที่ยวสนุกค่ะ

      Like

  5. สวัสดีค่ะ คุณจุ๊ กำลังจะเดินทางไปฮานอยซาปา 7-11 มกราคม 59 เข้ามาอ่านรีวิวของคุณจุ๊แล้ว ทำให้เปลี่ยนใจอยากจองตั๋วรถไฟดูเองบ้างจังเลย ข้อมูลของคุณจุ๊มีประโยชน์มาก เคยไปเมื่อ 2 ปีที่แล้วแต่จองผ่านเอเย่นต์ แต่ครั้งนี้อยากขอลุยเอง มีคำถามค่ะ เมื่อเราจองตั๋วรถไฟแล้ว ได้อีเมล์ยืนยัน เรานัดเจอกันที่สถานีรถไฟยุ่งยากไหมคะ แล้วพอถึงฮานอยเราเดินเที่ยวก่อนเวลารถไฟออก เรื่องสัมภาระเราสามารถฝากได้ที่ไหนบ้างคะ แผนการเดินทางน่าจะใกล้เคียงคุณจุ๊มากๆ เลยค่ะ

    Like

    1. สวัสดีค่ะ การจองและรับนัดตั๋วไม่ยุ่งบากเลยค่ะ แต่เพื่อความแน่ใจ ก่อนวันเดินทางส่งอีเมลล์ยืนยันสถานที่และเวลานัดรับตั๋วให้แน่ใจ
      สถานีรถไฟมีสองฝั่ง ให้มั่นใจว่าฝั่งไหนค่ะ

      ปกติคนอื่นเค้าฝากกระเป๋ากันตามโรงแรม ค่าฝากก็ 5-12 USD รวมค่าเปิดห้องให้อาบน้ำด้วย แต่ตอนนั้นจุ๊เหมารถแท๊กซี่เที่ยว ก็เลยเอาของใส่ในแท๊กซี่ค่ะ ขอให้เที่ยวให้สนุกนะคะ

      Like

  6. พี่จุ๊คะ สงสัยเรื่องการจองตั๋วรถไฟค่ะเห็นตอนจะทำรายการจองในเว็บแจ้งว่าเป็น e-ticket น่ะค่ะ คือหมายความว่า เราอาจไม่ต้องนัดรับตั๋วกับบริษัทก็ได้หรอคะ
    ปล.อ่านรีวิวเวียดนามซาปามาหลายรีวิวมาก แต่ถูกใจรีวิวของพี่จุ๊มากๆทั้งรายละเอียดการรีวิวและภาษาที่ใช้ บอกไม่ถูกอะค่ะแต่คือ ชอบมากมายเลยค่ะ *-*

    Like

    1. สวัสดีค่ะ ดีใจที่บทความเป็นประโยชน์นะคะ ใน e-ticket แจ้งว่าจ่ายครึ่งราคาหรือจ่ายเต็มคะ มีข้อความที่แจ้งว่าสามารถปรินท์ e-ticket ได้เลยหรือเปล่า ถ้าจ่ายเต็มแล้วให้ปรินท์ได้เลยแสดงว่า เว็บไซต์อาจมีการเปลี่ยนแปลงแล้วค่ะ เผื่อความแน่ใจลองส่งอีเมลล์หรือโทรไปคอนเฟิร์มอีกทีนะคะ

      Like

  7. ขอบคุุณมากมายสำหรับข้อมูลนะค่ะพี่จุ๊ มีประโยชน์กับพวกเรามาก พวกเราจะไปเที่ยว สิงหานี้ค่ะ

    Like

  8. ขอบคุณสำหรับข้อมูลค่ะ ชอบมากค่ะ เคยอ่านไปครั้งนึงตอนยังไม่มีโปรแกรมเที่ยว จะไปช่วงกลางธันวา เลยย้อนมาอ่านอีกรอบค่ะ

    Like

  9. ขอบคุณมากครับ ตั้งใจจะไปซาปาในประมาณ ต.ค.59(คือลาออกจากงาน..เออรี่) เคยแต่ขับรถยนต์ไปเที่ยวที่ ปากเซ หลวงพระบาง เวียงจันทร์ หลวงน้ำทา อยากไปเที่ยวที่ซาปา รู้สึกตื่นเต้นครับ

    Like

  10. อยากสอบถามหน่อยคะ ว่าถ้าจองตั๋วรถไฟกับทาง
    https://www.hanoisapatrain.com/ เรียบร้อยแร้วเค้าจะส่งรายละเอียดการจองให้เราทางเมลใช่ไหมคะ เราต้องปริ๊นพกไปด้วย แร้วเอาไปแสดงที่ไหนคะ ยังไงช่วยแนะนำด้วยนะคะ ขอบคุณมากคะ

    Like

    1. หลังจากจองออนไลน์แล้ว เค้าจะติดต่อมาทางอีเมลล์นัดรับตั๋วที่สถานีรถไฟค่ะ จุ๊เคยนั่งแต่จากฮานอยไปซาปา เค้านัดรับที่สถานีก่อนเวลารถออกประมาณหนึ่งชั่วโมงค่ะ ถ้ามาจากซาปา ไม่แน่ใจว่าเค้าจะรับนัดที่ซาปาหรือที่ลาวไก ลองส่งอีเมลล์ไปถามได้ค่ะ

      Like

      1. มีอีกเรื่องนึงคะ เพื่อนเดินทาง 5 คน เราสามารถแจ้งได้ไหมคะว่าต้องการ แบ่งเป็น 2 ห้อง ห้องนึง 3คน อีกห้อง 2คน –“

        Like

      2. ขอโทษที่ตอบช้านะคะ ไม่ได้เข้ามาเช็คข้อความนานเลย อันนี้หมายถึงโรงแรมใช่ไหมคะ ปกติถ้าจองผ่านเว็บไซต์พวก booking.com เราจะเลือกได้ค่ะว่าเอาสองคน ห้องสามคน กับห้องสองคน แต่ถ้าจองโดยตรงกับโรงแรมก็ต้องลองแจ้งดูค่ะ ถ้าเค้ามีห้องก็ไม่น่าจะมีปัญหา หรือไม่ก็เพิ่มเตียงเสริมค่ะ

        Like

  11. ขอบคุณคุณจุ๊ สำหรับข้อมูลดีๆๆ กำลังตัดสินใจที่จะไปเที่ยวพอดี ไล่อ่านเพจอื่นมาก็รู้สึกไม่สวยประทับใจ เห็นเพจนี้ภาพดูสวยน่าสนใจดีก็เลยลองอ่านดูไปเรื่อยๆจนถึงภาพที่โต๊ะอาหารแล้วมีนางแบบนั่งอยู่คนเดียวแอบตกใจเล็กน้อย อ้าวนี่เพื่อนตอนเรียนโทด้วยกันนี่ โอเครเลยค่ะ ดิฉํนมีที่ถามข้อมูลส่วนตัวแระ ยังงัยก็ขอบคุณคุณจุ๊มาก ชอบภาพที่คุณถ่ายมาก เป็นธรรมชาติที่สวยงามมากค่ะ

    Like

  12. เคยอ่านเรื่องเล่าของคุณตั้งแต่ปีที่แล้วค่ะ ชอบใจที่บอกเล่าละเอียดดีจัง เลยมีความคิดว่าอยากจะมาเที่ยวแบบนี้บ้าง บังเอิญมีน้องเขาชวนว่ามีโปร เลยจองกันตั้งแต่ปีที่แล้ว เผลอแป๊บเดียว ครบรอบปีแล้ว จะถึงวันเดินทางแล้วค่ะ 14 ก.ย.นี้เอง แต่ติดต่อน้องคนที่ชวนไม่ได้แล้วสิ คงต้องเดินทางคนเดียว ไม่เคยไปต่างประเทศที่ไหนมาก่อน เคยเที่ยวแต่ในไทย แถมตอนนี้ยังไม่ได้จองโรงแรมเลยค่ะ ทั้งที่ฮานอยและซาปา เมื่อตอนเย็นลองเข้าไปดูโรงแรมในซาปา มีแบบเตียงรวม 4 เตียง นอนรวม ญ. ช. เป็นเตียง 2 ชั้นค่ะ เห็นราคาถูกดี 277 บาท พี่กะจะพัก 2 คืน ดูแล้วห้องพัก สถานที่ของโรงแรมก็ดูสะอาดดีนะคะ แต่พี่กังวลตรงเตียงนอนรวมนี่แหล่ะ พี่เป็นผู้หญิงไปคนเดียว ถ้าพักแบบนี้ จะมีอันตรายรึป่าว เขาคงไม่ให้เราเลือกมั้งว่าจะนอนแต่กับผู้หญิง พี่คิดว่าส่วนใหญ่เวลาเราจะเที่ยวอยู่ข้างนอกมากกว่า ใช้แค่เก็บกระเป๋า กลับมาก็ค่ำแล้ว อาบน้ำคงมุดนอนเลย คงเหนื่อยจากเที่ยว ขอถามว่า การพักแบบนี้ มันน่าจะปลอดภัยดีรึป่าวคะ

    Like

    1. สวัสดีค่ะคุณออม จุ๊เคยเดินทางคนเดียวแล้วพักเตียงรวมบ่อยๆค่ะ ส่วนใหญ่ถ้าเลือกโรงแรมที่รีวิวดีๆก็ค่อนข้างปลอดภัย แต่เราก็ต้องระมัดระวังตัวมากขึ้นค่ะ เช่นไม่วางของมีค่าด้านนอก แต่งตัวรัดกุมถ้านอนห้องรวม บางที่สามารถเลือกได้ว่าเป็นห้องผู้หญิง หรือเป็นห้องรวมค่ะ ลองเช็คกับทางโรงแรมดูก็ได้

      ข้อดีของการพักรวม ก็คือ การได้เพื่อนใหม่ค่ะ ลองเปิดใจพูดคุยกับเพื่อนร่วมห้อง อาจจะได้รับมิตรภาพดีๆโดยไม่รู้ตัวนะคะ

      ขอให้เดินทางให้สนุกและปลอดภัยนะคะ

      Like

  13. สวัสดีครับ กำลังจะเดินทางไปกันวันที่ ๗ กันยานี้ แต่ยังไม่ได้จองอะไรเลยครับ จะขับรถเข้าลาวแล้วไปต่อรถโดยสารไปฮานอย ตอนแรกว่าจะจองรถไฟ พอทราบว่ามีรถบัสจากฮานอยไปซาปาเลย ก็เปลี่ยนใจ เพราะราคาถูก ขอบคุณข้อมูลครับ มีประโยชน์มาก

    Like

    1. สวัสดีค่ะ ตอนนี้ถนนในเวียดนามสภาพดีมากเลยค่ะ รถบัสก็ดี เพียงแค่สิ่งอำนวยสะดวกหรือจุดพักรถอาจจะยังไม่ดีนัก ขอให้สนุกกับการเดินทางนะคะ

      Like

  14. สวัสดีครับ คุณจุ๊….

    อ่านเรื่องราวของคุณจุ๊แล้วอยากไปมากมาย เลยกะจพไปเที่ยวกัน 3คน พ่อ/แม่/ลูกสาว กะว่าจะไปซาปาโดยรถไฟครับ แต่ห้องนอนมี 4เตียง ถ้าเราอยากจะส่วนตัวเนี่ยก็ต้องจองไป 4ที่เลยใช่ไม๊ครับ รบกวนแนะนำด้วย

    ขอบคุณครับ

    Like

    1. ดีใจที่ข้อมูลมีประโยชน์และเป็นแรงบันดาลใจนะคะ น่าสนุกจังเลยค่ะพาลูกเที่ยว
      คิดว่าถ้าต้องการความเป็นส่วนตัวคงต้องจอง 4 ที่ค่ะ เวลาจองเลือกที่นั่งในห้องเดียวกัน
      รอติดตามการเดินทางนะคะ

      Like

  15. รบกวนสอบถามต้องการเช่ารถสำหรับ 4 คน 1-2 วันเพื่อเที่ยวรอบๆซาปา ราคาวันละเท่าไหร่ เช่า 1 วัน กี่ชม.ค่ะ พอจะแนะนำว่าติดต่อใครได้มั๊ยคะ

    Like

    1. จุ๊ติดต่อจากบริษัททัวร์ที่ไปเทรคกิ้งค่ะ ไม่แน่ใจว่ามีเช่ารถเที่ยวรอบๆซาปาหรือเปล่า ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจะเช่ามอเตอร์”ซต์เที่ยวรอบๆซาปา ปกติมีแต่เช่าไปหมู่บ้านที่ไกลออกไปหน่อยหรือไปเองลำบาก เช่น หมู่บ้านที่จุ๊ไปอยู่บนเขา ตอนนั้นเขาคิดราคาคนละ 30 USD ค่ะ ลองติดตอบริษัททัวร์ที่มีอยู่ในตัวเมือง หรือสอบถามได้จาก http://www.vietnamnomadtrails.com หรือ email: nomadtrails@gmail.com ค่ะ

      Like

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s